เหรียญ Defi ‘Kava’ กำลังนำวิธีของ Apple มาให้ทำคุณทำกำไรแบบ yield farming ได้อย่างง่ายดาย
ผู้ร่วมก่อตั้งของ KAVA โปรเจคบล็อคเชนที่มุ่งเน้นในเรื่องการทำงานร่วมกันในระบบนิเวศ Defi ล่าสุดได้ประกาศเปิดตัวโปรโตคอลใหม่ Harvest.io เพื่อต้องการให้การรองรับ Bitcoin และ XRP ของ Ripple
Kava ประกาศเปิดตัว Harvest.io ในวันจันทร์และจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ตุลาคมนี้
Harvest.io จะสนับสนุนการลงทุนและสินเชื่อคริปโตในพูลสภาพคล่อง ซึ่งเป็นพูลที่รับประกันว่าเงินกู้ยืมจะมีคู่สัญญาอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ใช้โปรโตคอลเป็นโทเค็นการกำกับดูแล HARD ซึ่งย่อมาจาก HARvest Decentralized อีกด้วย
Harvest.io ดูคล้ายกันกับกับ Compound และ Aave ซึ่งเป็นโปรโตคอลการให้กู้ยืมแบบกระจายอำนาจที่ตั้งอยู่ในเครือข่าย Ethereum แต่แตกต่างกันตรงที่มีเพียงแต่ Harvest.io เท่านั้นที่ให้การรองรับ Bitcoin และ XRP เช่นเดียวกับเหรียญ BNB และ BUSD ของ Binance ยกตัวอย่างเช่น Bitcoin ที่ถูกสร้างขึ้นในโปรเจคต่าง ๆ เช่น tBTC, renBTC และ wBTC
Harvest.io เป็นบล็อกเชนที่มีการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง โดยแต่ละแอปพลิเคชันที่ถูกลิสค์อยู่บน Kava ได้รับการความเห็นชอบจากชุมชนเสมอ อย่างไรก็ตามแม้ว่าโปรโตคอล Ethereum ที่สำคัญจำนวนมากจะได้รับการตรวจสอบและเห็นชอบจากชุมชน แต่ Ethereum ก็มีโปรโตคอล Defi ที่อันตรายและผันผวนมากมาย ซึ่งผู้สร้างอาจหลอกลวงนักลงทุนให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมากได้หรือผู้ใช้อาจสูญเสียเงินออมไปทั้งหมด หากโค้ดของโปรโตคอลนั้นไม่สมบูรณ์
“เราต้องการให้แน่ใจว่า เราได้ทำแบบเดียวกับที่ Apple ทำ พวกเขาตรวจสอบแอพพลิเคชั่นใหม่ ๆ ใน App store ว่ามีคุณภาพและตรงตามมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งเราก็ทำเช่นเดียวกัน” ผู้ก่อตั้ง KAVA กล่าว โหนดปฏิบัติการเหล่านี้อยู่บน Kava รวมถึงเว็ปเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกเช่น Binance, OKEx และ Huobi
นอกจากนี้ผู้ก่อตั้ง KAVA ยังคิดว่าผู้คนอาจใช้ Harvest.io อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เนื่องจากมันมีต้นทุนการใช้งานที่มีราคาถูกกว่า Ethereum “ค่าธรรมเนียมเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงใน Kava และมันแทบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยในระบบนิเวศของ Ethereum” เขากล่าว
ยิ่งไปกว่านั้นก่อตั้ง KAVA กล่าวด้วยว่ามันจะใช้งานได้ง่าย ในขณะที่ข้อเสนอ DeFi ของ Ethereum ยังคงทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่สับสน โดย Kava และส่วนขยาย Harvest.io จะเป็นหนึ่งในโปรโตคอล Defi รายแรก ๆ ที่รวมเข้ากับเว็ปเทรดรายใหญ่ ซึ่งนั้นหมายความว่า “มันจะเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างมากสำหรับผู้ใช้งาน”
เมื่อเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ตุลาคม Harvest.io จะรองรับการฝาก BTC, BNB, HARD และ USDX และในวันที่ 20 ธันวาคม Harvest จะเปิดตัว Harvest v2 สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มการรองรับเหรียญ Chainlink ซึ่งเป็นเหรียญที่ขับเคลื่อนด้วย oracle แบบกระจายอำนาจและเป็นหนึ่งในเหรียญ DeFi ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 3.2 พันล้านดอลลาร์
สำหรับการจัดสรรเงินทุนของ Harvest.io ทีมงานจะแจกจ่าย 40% ของโทเค็นทั้งหมด 200 ล้านเหรียญให้กับผู้ใช้งานและอีก 20% ให้กับผู้ที่ทำการ staking เหรียญ Kava
การใช้โปรโตคอล Curve.fi มีความเสี่ยงอะไรบ้าง ?
ระบบตรวจสอบความปลอดภัยใน Curve.fi ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน 100% ดังนั้น Curve จึงอาจมีช่องโหว่บางอย่างในสัญญา smart contract
นอกเหนือความเสี่ยงในสัญญา smart contract แล้ว เมื่อใดก็ตามที่คุณเข้าร่วมพูล คุณยังต้องแบกรับความเสี่ยงที่เกิดจากเหรียญในพูลอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่นหากคุณไม่มีเหรียญ USDT คุณจะไม่สามารถเข้าร่วมพูลที่มีอยู่ใน Curve ได้เลย
นอกจากนี้ Curve pools ยังถือครองเหรียญกำกับดูแลจำนวนหลายล้านเหรียญมาเป็นเวลาเกือบหกเดือนแล้วและแฮกเกอร์ก็พยายามขโมยเงินเหล่านั้นมาหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งตอบไม่ได้เลยว่าหากพวกเขาได้สำเร็จมันจะส่งผลกระทบต่อโปรโตคอลหรือเงินของนักลงทุนอย่างไร
จากที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่า DeFi นั้นเป็นเรื่องที่ใหม่เอามาก ๆ เช่นเดียวกับ Curve ดังนั้นแล้วหากคุณต้องการเข้ามามีส่วนร่วมกับมัน คุณควรต้องศึกษาวิธีการใช้และเรียนรู้ความเสี่ยงด้วยตัวเอง และหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้มากขึ้น
Charles Hoskinson ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท IOHK ได้อธิบายถึงความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Cardano และแพลตฟอร์ม smart contract คู่แข่งอย่าง Polkadot
จากรายงานของ The Daily HODL นาย Hoskinson กล่าวว่า
“มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างทั้งสองระบบ จริง ๆ แล้วเราเป็นระบบหลายสินทรัพย์ (multi asset) เรายังมีรูปแบบการบัญชีที่แตกต่างกัน ผมคิดว่าบัญชีแยกประเภทพื้นฐานของเรามีความชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้วิวัฒนาการของเรา รวมถึง proof of stake ของเรานั้นเร็วกว่าพวกเขามาก เพราะพวกนั้นอิงจากงานลอกเลียนแบบ และเรามี Ouroboros Omega และสิ่งอื่น ๆ อยู่แล้ว
“ผมคิดว่าท้ายที่สุดแล้ว sidechain ที่ดีกว่าจะเกิดขึ้น เพราะเรามีสิ่งที่เรียกว่า Mithral และเราก็ได้เรียนรู้มากมายจากงานของพวกเขา”
Hoskinson ยังตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับระเบียบการกำกับดูแลที่เหนือกว่าของ Cardano เหนือคู่แข่งว่า
“อีกอย่างคือ เราคิดเรื่องธรรมาภิบาลอย่างระมัดระวังมากขึ้น และเรามี Voltaire ซึ่งจริงๆ แล้ว ประเด็นสำคัญที่ว่า “เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกคนที่เก็บข้อมูลสามารถมีส่วนร่วมในเครือข่ายได้” นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญในการออกแบบของ Polkadot มันเป็นแค่การนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ที่รวดเร็วกว่า การได้มาซึ่งลูกค้า ซึ่งมันจะมาสู่การปกครองในภายหลัง และนี่เป็นเพียงปรัชญาทางธุรกิจที่แตกต่างกัน”
นาย Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano ได้แบ่งปันมุมมองของเขาว่า Cardano นั้นมีความแตกต่างจากคู่แข่งคนสำคัญอย่าง Polkadot อย่างไร
ในระหว่างการสัมภาษณ์ครั้งล่าสุด Hoskinson ได้บอกกับนาย Lex Fridman ว่า Cardano (ADA) นั้นมีข้อได้เปรียบที่สำคัญเหนือกว่าระบบนิเวศบล็อกเชนของ Polkadot (DOT) โดยเขากล่าวว่า :
“มันมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างทั้งสองระบบ เรามีการสร้างระบบ multi asset เรามีรูปแบบการบัญชีที่แตกต่างกัน และผมคิดว่าบัญชีแยกประเภทของเรามีความชัดเจนมากกว่า อัตราการเติบโตของเราคู่ควบไปกับ proof of stake นั้นก็เร็วกว่าอัตราของพวกเขามาก ดังนั้นมันจะขึ้นอยู่กับการลอกเลียนแบบว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน ซึ่งเรามี Ouroboros Omega และสิ่งอื่น ๆ อยู่ที่นั่นแล้ว”
นอกจากนี้ Hoskinson ยังกล่าวเสริมด้วยว่าในแง่ของการกำกับดูแล เขาเชื่อว่าโมเดลของ Cardano นั่นทำได้ดีกว่าของ Polkadot
“อีกอย่างที่เรากำลังพิจารณาอยู่ก็คือ เรื่องการกำกับดูแลอย่างระมัดระวัง เรามี Catalyst และ Voltaire ซึ่งกุญแจสำคัญนั้นอยู่ที่ว่า ‘เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทุกคนจะสามารถมีส่วนร่วมในเครือข่ายได้’ แต่ดูเหมือนว่านั้นจะไม่ใช่เป้าหมายของ Polkadot พวกเขาพยายามพัฒนาแพลตฟอร์มในเชิงพาณิชย์ที่สะดวก รวดเร็วกว่า และนำมาซึ่งลูกค้า ก่อนที่จะมีการกำกับดูแลในภายหลัง นี่เป็นเพียงปรัชญาทางธุรกิจที่แตกต่างกัน”
อย่างไรก็ตามผู้ก่อตั้ง Cardano กล่าวชม Polkadot ว่าเป็นคู่แข่งที่ “ดี” ของเขาและมันกลายเป็น Ethereum ในรุ่นต่อไป
“Polkadot เป็นเหมือน Ethereum 1.5 และนี่คือสิ่งที่ ETH 2.0 ควรจะทำ มันมีความดุดันและเฉียบแหลมอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่มันยังคงมีความเสี่ยงอย่างมากสำหรับการดำเนินการในแผนนั้น”
บริษัทด้านการจัดอันดับระดับโลกอย่าง Weiss Rating ได้ออกมาเผยถึงเหรียญ altcoin ทั้งหมด 5 เหรียญที่มีเทคโนโลยีที่เหนือกว่าเหรียญอันดับสองของโลกอย่าง Ethereum
โดยพวกเขากล่าวว่าเหรียญนั้นก็คือ Cardano (ADA), Polkadot (DOT), Tezos (XTZ), Cosmos (ATOM) และ Fantom (FTM) โดยเหรียญเหล่านี้มีการจัดอันดับเทคโนโลยีที่ “ยอดเยี่ยม”
สำหรับ Ethereum (ETH) มีคะแนนด้านเทคโนโลยีที่ต่ำกว่าเหรียญเหล่านี้ ล้าหลังด้วยคะแนนเพียงแค่ “ดี” รวมไปถึงเหรียญอื่น ๆ อย่าง Holo (HOT), Iota (IOTA), Grin (GRIN), Bitshares (BTS), Algorand (ALGO) และ Nexus (NXS)
Weiss Ratings กล่าวว่าพวกเขาใช้โมเดลการคำนวณที่มาจากข้อมูลนับพันจุดในการจัดอันดับ และก็นำมันไปจัดอันดับแยกตามหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี, การนำไปใช้งานจริง, ความเสี่ยงในการลงทุน, และโมเมนตัมของตลาด
สำหรับการจัดอันดับ crypto ในหมวดหมู่ ‘โดยรวม’ นั้น Ethereum (ETH) เป็นผู้นำตลาดด้วยอันดับ “A-” ตามด้วย Bitcoin (BTC) ด้วยอันดับ “B” Stellar (XLM) และ Cardano (ADA) ตามมาติด ๆ ด้วย “B-”