วิธีไปดูซูโม่ที่ญี่ปุ่นวิธีไปดูซูโม่ที่ญี่ปุ่น

แนะนำวิธีการไปดูซูโม่ที่ญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่การจองตั๋ว เวลาแข่ง สถานที่แข่ง ที่นั่ง มารยาท กิจกรรมที่น่าสนใจในสนามซูโม่ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับซูโม่ บรรยากาศรอบสนามซูโม่และสิ่งที่น่าทำในวันที่ไปดูซูโม่

ซูโม่คืออะไร
“ซูโม่” คือหนึ่งในกีฬาญี่ปุ่นแท้ๆที่คนชอบอะไรญี่ปุ่นๆ ควรจะลองไปดูซักครั้ง นอกจากจะเป็นกีฬาที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,500 ปีแล้ว ยังมาพร้อมกับเอกลักษณ์มากมายที่หาชมในกีฬาอื่นไม่ได้ ตั้งแต่การแต่งกาย ทรงผม และวิถีชีวิตของนักซูโม่เองก็เป็นสิ่งน่าสนใจไม่แพ้การแข่งขัน รวมถึงพิธีกรรมก่อนและหลังแข่ง เนื่องจากซูโม่ไม่ได้เป็นแค่กีฬาที่แข่งเอาแพ้ชนะ แต่ยังมีความหมายในทางศาสนาและวัฒนธรรมอื่นๆที่แฝงมาด้วย ทำให้เป็นกีฬาที่มีประเพณีแฝงมาให้ชมเยอะพอสมควร ไม่ได้มีให้ดูแค่ผลแพ้ชนะเท่านั้น
กฏกติกามารยาทของการแข่งซูโม่นั้นจริงๆแล้วง่ายดายเอามากๆ การตัดสินแพ้ชนะกันมีกฏแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น
1 ทำให้อีกฝ่ายหนึ่งล้มลงบนพื้นได้
2 ทำให้อวัยวะส่วนอื่นนอกเหนือจากเท้าแตะพื้นได้
3 ทำให้ร่างกายคู่ต่อสู้ออกจากลานแข่งขันได้

jumbo jili

ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้การตัดสินแพ้ชนะของซูโม่ทำได้ในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น คนที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยดูซูโม่มาก่อนอาจมองว่าเป็นกีฬาที่ไม่มีอะไรดูเพราะจบอย่างรวดเร็ว แต่เราขอแนะนำว่าการไปดูซูโม่นั้น ไม่ได้ดูแค่ผลแพ้ชนะ แต่ไปเพื่อสัมผัสประเพณี พิธีกรรม และบรรยากาศต่างๆที่อยู่รอบๆการแข่งซูโม่ด้วย
ที่สำคัญการแข่งซูโม่ในวันหนึ่งนั้นมีหลายร้อยคู่ ทำให้สนุกได้ยาวๆ ตื่นเต้นได้ตลอดวัน อย่างคู่ที่เก่งๆนั้นก็แข่งกันได้สนุกแบบที่คุ้มค่าแม้คู่นึงจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เทคนิคต่างๆที่น่าสนใจ หากนั่งดูให้ดีก็จะเห็นว่ามีการโจมตีที่สามารถใช้ได้มากมาย ไม่ได้ใช้แค่พลังและน้ำหนักกดอีกฝ่าย แต่ยังมีการโต้กลับ การหลอกล่อ การใช้แรงของอีกฝ่ายให้เป็นประโยชน์ ทุกครั้งนักซูโม่ที่ตัวเล็กล้มนักซูโม่ที่ตัวใหญ่กว่าได้กองเชียร์ในสนามจะโห่ร้องกึกก้อง เป็นบรรยากาศที่น่าไปสัมผัสด้วยตัวเอง

ในหนึ่งวันซูโม่จะมีแข่งครบทุกระดับไล่จากระดับล่างสุดจนสูงสุด นักซูโม่แทบทุกคนจะได้มาแข่ง 1 แมตช์แน่ๆทุกวัน ยกเว้นคนที่ได้พัก โดยในแต่ละวันที่มีแข่งก็จะเริ่มแข่งตั้งแต่ประมาณแปดโมงครึ่งในยามเช้า ซึ่งเริ่มจาก Banzukegai ไล่ไปเรื่อยๆ โดยระดับล่างๆที่แข่งในตอนเช้านั้นแทบจะไม่มีคนดู ส่วนระดับที่ยิ่งสูงก็จะยิ่งมีคนเข้ามาดูมากขึ้น แฟนซูโม่ตัวจริงส่วนใหญ่จะนั่งติดเก้าอี้ตั้งแต่ประมาณบ่ายสอง (ช่วงที่ระดับ Juryo เริ่มแข่ง) ไปจนจบการแข่งของ Makuuchi ประมาณหกโมงเย็น ถ้าคุณอยากไปชมนักซูโม่เก่งๆเป็นหลักก็ไม่จำเป็นต้องมาแต่เช้าก็ได้ แต่แนะนำให้มาตั้งแต่ประมาณระดับ Juryo แข่ง

สล็อต

ซูโม่แข่งกันที่ไหนเมื่อไหร่
การแข่งขันซูโม่ในญี่ปุ่น ไม่เหมือนกับลีกกีฬาใหญ่ๆอย่างเช่นฟุตบอล ที่จะแบ่งรอบตามฤดูกาลหรือรอบเวลาของปีๆละรอบ แต่ซูโม่จะแบ่งออกเป็นรอบเล็กๆซึ่งปีนึงมีแข่งถึง 6 รอบ และหนึ่งรอบใช้เวลาแข่งแค่สิบห้าวันเท่านั้นก็รู้ว่าใครเป็นแชมป์

ทั้งหกรอบจะจัดกันคนละเวลาและคนละสถานที่ เดือนที่จัดก็คือเดือน 1, 3, 5, 7, 9, 11 โดยในหกครั้งนี้ สามครั้งแข่งที่โตเกียว และที่เหลือแบ่งกันจัดที่โอซาก้า นาโกย่า และฟุกุโอกะ เมืองละหนึ่งครั้ง
เดือน 1, 5, 9 สามครั้ง แข่งที่โตเกียว
เดือน 3 แข่งที่โอซาก้า
เดือน 7 แข่งที่นาโกย่า
เดือน 11 แข่งที่ฟุกุโอกะ
โดยการแข่งซูโม่แต่ละรอบซึ่งจะใช้เวลาสิบห้าวันนั้น ในแต่ละวันก็มักจะมีการแข่งให้ดูเป็นร้อยๆคู่โดยไล่ตั้งแต่นักซูโม่ระดับล่างสุดไปจนระดับบนสุดเลย นักซูโม่ในวงการแทบทุกคนจะมีตารางได้ลงแข่งหนึ่งแมตช์ในทุกๆวัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเลือกไปดูวันที่เท่าไหร่ก็สามารถดูนักซูโม่ดังฝีมือดีได้

สล็อตออนไลน์

สถานที่ดูซูโม่ในญี่ปุ่น
หลังจากเลือกเดือนที่จะไปชมได้แล้ว ก็ต้องเลือกสถานที่ๆจะไปให้ตรงตามที่จัด
สำหรับการแข่งขันทั้งสามรอบของโตเกียวนั้น จะแข่งที่เดียวกันทั้งหมดคือที่ Ryogoku Kokugikan
การแข่งขันที่โอซาก้าจัดขึ้นที่ Osaka Prefectural Gymnasium (Edion Arena Osaka)
การแข่งขันที่นาโกย่าจัดขึ้นที่ Aichi Prefectural Gymnasium
การแข่งขันที่ฟุกุโอกะจัดขึ้นที่ Fukuoka Kokusai Center

สนามแข่งซูโม่เรียวโกคุเป็นสถานที่แข่งซูโม่ที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในวงการซูโม่ญี่ปุ่น ทั้งในเรื่องของประวัติศาสตร์และความน่าสนใจของตัวสถานที่เอง รวมถึงสิ่งต่างๆที่มีให้ทำมากมายนอกจากการดูซูโม่
นอกจากจะเป็นสนามที่มีการแข่งขันบ่อยที่สุดแล้ว ยังเป็นเหมือนกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าคนรักซูโม่อีกด้วย เพราะประวัติศาสตร์ต่างๆเกี่ยวกับซูโม่ก็มักจะผูกอย่กับที่แห่งนี้ นอกจากนี้ รอบๆก็ยังเป็นที่รวมค่ายนักซูโม่ที่เยอะที่สุดในญี่ปุ่น ห้างร้านต่างๆมากมายที่ขายอาหารเพื่อนักซูโม่ ร้านที่ขายขนมของฝากเกี่ยวกับซูโม่ และถนนสายประวัติศาสตร์ สวนที่ระลึก หรือรูปปั้นต่างๆเกี่ยวกับฮีโร่นักซูโม่ในอดีตอีกหลายแห่ง

jumboslot

สนามแข่งซูโม่ Ryogoku Kokugikan สามารถเดินทางไปได้โดยรถไฟสาย JR Chuo-Sobu Line หรือรถไฟใต้ดินสาย Toei Oedo Line ไปลงที่สถานี Ryogoku จากสถานีเดินไปจนถึงสนามไม่ไกล และถ้าเป็นวันที่มีแข่งจะมีกิจกรรมต่างๆให้ดูมากมาย เช่นตลาดนัดเล็กๆริมถนนที่มีเอกลักษณ์ตรงธงสีสันหลากหลาย มีของกินของฝากเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับซูโม่ให้เลือกซื้อมากมาย และตามทางเดินริมถนนก็มักจะมีคนจำนวนมากมายืนรอดูนักซูโม่ เหมือนกับสื่อบันเทิงมายืนรอดูดาราเดินพรมแดงที่งานแจกรางวัลลูกโลกทองคำยังไงยังงั้น ถือว่าเป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้ถ้าไม่มาที่สนามแห่งนี้ด้วยตัวเองซักครั้ง
อธิบายอย่างสั้นๆและจำง่ายที่สุดก็คือ เช้าคนน้อย บ่ายคนเยอะ ถ้าอยากเดินรอบๆสนามเพื่อถ่ายรูป ให้รีบไปเช้าๆ แต่ถ้าอยากเชียร์นักซูโม่เก่งๆ ดังๆ ระดับสูงๆ ให้ไปตอนบ่าย

ตั๋วซูโม่หนึ่งใบนั้นสำหรับหนึ่งวัน เมื่อเราซื้อแล้วสามารถอยู่ในสนามได้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น และการแข่งขันในหนึ่งวันของซูโม่นั้นจะมีจัดแข่งทุกระดับ พูดง่ายๆคือนักซูโม่แทบทุกคนจะมีตารางต้องลงแข่งยกเว้นคนที่ได้พัก โดยไล่จากระดับล่างสุดในตอนเช้า ไปจบที่ระดับสูงสุดในเวลาประมาณหกโมงเย็น
ถ้าใครไปดูตั้งแต่เช้าจะพบว่านักซูโม่ที่แข่งอยู่เป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มได้ไม่นาน ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าบางคนตัวยังไม่ใหญ่ด้วย เพราะว่าตอนเช้าเป็นเวลาของนักซูโม่หน้าใหม่นั่นเอง และสนามแข่งก็จะยังเต็มไปด้วยเก้าอี้ที่ว่างเพราะคนส่วนใหญ่มักเลือกจะเริ่มมาชมรอบบ่ายๆ ที่นักซูโม่ดังๆเริ่มลงแข่ง

ในภาพด้านบนถ่ายตั้งแต่เช้าประมาณ 9-10 โมง จะเห็นว่าแม้แต่ที่นั่งสีเขียวใกล้ขอบสนาม ซึ่งเป็นที่นั่งที่ดีและแพงที่สุดที่แฟนพันธ์แท้จะจองกันจนเต็มเสมอ (เรียกว่า ทามาริเซกิ) ก็ยังไม่มีคนมานั่งดู เพราะว่ารอบเช้าๆนั้นยังไม่น่าสนใจเท่ารอบบ่ายนั่นเอง

slot

มารยาทระหว่างชมซูโม่
มารยาทไม่ยาก หลักๆคือเหมือนกับการไปคอนเสิร์ตหรือการชมกีฬาอื่นๆนั่นเอง แต่จะเพิ่มเติมความเข้มงวดขึ้นมาในเรื่องของที่นั่งและการไม่รบกวนผู้อื่น

  1. สำหรับผู้คนในทุกที่นั่ง สามารถกินดื่มได้ตามปกติหากรักษาความสะอาดและไม่รบกวนที่นั่งข้างๆ
  2. ไม่ควรยืนขึ้นระหว่างการแข่งเพราะจะบังคนที่อยู่ข้างหลัง
  3. สำหรับที่นั่งชั้นดีที่สุดที่เรียกว่า ทามาริเซกิ (Ringside) เป็นที่นั่งที่ใกล้กับเวทีที่สุดและเป็นที่นั่งแบบนั่งพื้นทั้งหมด หากจะจองที่นั่งตรงนี้ต้องระวังเรื่องมารยาทของตนเองมากเป็นพิเศษด้วย แม้จะแพงกว่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสบายกว่า อะไรๆก็อาจจะลำบากกว่าเดิมได้ก่อนจองจึงต้องระวัง
    สิ่งที่ลำบากกว่าที่นั่งราคาถูกก็อย่างเช่น ห้ามกินอาหาร เข้าออกยากมาก ต้องถอดรองเท้า และการนั่งขัดสมาธิยาวๆก็อาจจะเมื่อยสำหรับคนที่ไม่ชิน เป็นต้น ส่วนใหญ่คนที่นั่งตรงนี้จึงเป็นคนญี่ปุ่นเท่านั้น และเราไม่แนะนำสำหรับมือใหม่
  4. ผู้นั่งทามาริเซกิแถวหน้าสุด ต้องระวังนักซูโม่ที่ตกลงจากเวทีมาด้วยตัวเอง (แต่ปกติกรรมการซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้า จะเป็นอดีตนักซูโม่และตัวใหญ่เหมือนกัน จะคอยป้องกันให้) หลากหลายรูปแบบในญี่ปุ่น

รู้รอบเรื่องซูโม่

ถ้าพูดถึงกีฬาญี่ปุ่นละก็ ภาพของนักซูโม่ลอยมาแน่นอน เพราะด้วยรูปร่างอันสูงใหญ่ นุ่งผ้าน้อยชิ้นพร้อมทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้หลายคนจดจำกีฬาญี่ปุ่นชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี มาค้นหาความน่าสนใจและเสน่ห์ของกีฬาซูโม่กับป้าเมโกะแล้วจะรู้ว่าซูโม่เป็นมากกว่ากีฬาของชาติญี่ปุ่นเสียอีก~

ประวัติซูโม่
ซูโม่มีประวัติยาวนานกว่า 1,500 ปี ถือเป็นกีฬาที่ฝังรากลึกเข้าไปในวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่เดิมซูโม่ไม่ได้เป็นกีฬาเอาไว้ชมกันอย่างเดียว แต่ยังเอาไว้แสดงประกอบพิธีกรรมหน้าเทพเจ้าตามความเชื่อของชินโต เพื่อแสดงความเคารพเทพเจ้าและเพื่อขอพรให้พืชผลออกดีในฤดูเก็บเกี่ยวอีกด้วย จนถึงสมัยเอโดะ ในสมัยนั้นได้เริ่มมีการจัดการแข่งซูโม่ขึ้นเพื่อหาเงินบริจาคสร้างศาลเจ้าหรือวัด คนธรรมดาก็เลยมีโอกาสได้ชมซูโม่ และนักกีฬาซูโม่มืออาชีพก็ได้ถือกำเนิดขึ้น จนพัฒนามาเป็นกีฬาซูโม่ที่เราเห็นอย่างทุกวันนี้

jumbo jili

กว่าจะได้เป็นนักซูโม่
การจะได้เป็นนักซูโม่นั้นไม่ง่าย เพราะต้องผ่านการฝึกฝนหลายขั้นตอน เพราะการเป็นนักซูโม่ได้นั้นถือว่ามีเกียรติและซูโม่ยังถูกยกย่องให้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการดำรงชีวิตตามแบบแผนญี่ปุ่นดั้งเดิม ดังนั้นนักซูโม่จึงต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะการฝึกซ้อม การกิน และวิธีการดำรงชีวิต

ก่อนจะมาเป็นซูโม่มืออาชีพต้องสมัครเข้าโรงเรียนฝึกหรือที่เรียกว่า ‘เฮยะ’ เสียก่อนเพราะซูโม่ต้องมีสังกัดอยู่ ถ้าเปรียบแบบบ้านเราคือต้องเป็นศิษย์ในค่ายมวย แต่ละค่ายอาจมีกฎเกณฑ์รับสมัครต่างกัน แต่ส่วนมากจะรับสมัครอายุไม่เกิน 23-25 ปี ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 165-167 เซนติเมตร น้ำหนัก 65-67 กิโลกรัมขึ้นไป (ค่อยไปขุนน้ำหนักทีหลังได้) และเป็นเพศชายเท่านั้น นอกจากการฝึกทักษะการปล้ำมวยแล้วพวกเขายังต้องเข้าห้องเรียนวิชาการเป็นเวลา 6 เดือน เช่นการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ซูโม่ การเขียนพู่กัน หรือสังคมศาสตร์ก็ต้องเรียนเหมือนกัน

สล็อต

โดยตารางชีวิตของซูโม่ฝึกหัดนั้นเข้มงวดไม่เบา เพราะถูกกำหนดไว้หมดแล้วโดยเริ่มตั้งแต่ตื่นนอน 6 โมงเช้า / 6 โมงครึ่งฝึกซ้อม / 11 โมงเช้าอาบน้ำ / เที่ยงทานอาหารกลางวัน / บ่ายสองนอนหรือพักผ่อนตามอัธยาศัย / 4 โมงเย็น ทำความสะอาดและฝึกซ้อม / 6 โมงเย็น ทานอาหารเย็น /สามทุ่มครึ่ง เข้านอน (เฮยะจะปิดประตู ปิดไฟหมด เป็นการบังคับให้นอน) เป็นต้น

กว่าจะประสบความสำเร็จเป็นแถวหน้าในวงการนั้นไม่ง่าย ใช้ทั้งเวลาและความอดทนไม่น้อย ลำดับขั้นของซูโม่มีทั้งหมด 6 ขั้น จะได้เลื่อนขั้นหรือถูกลดขั้นไปลำดับไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับผลงานว่าแพ้หรือชนะมากเท่าไร โดยขั้นต่ำสุด คือ Jonokuchi ซึ่งถือว่าเป็นขั้นแรกสุดและลำบากสุดก็ว่าได้ เพราะไหนจะต้องฝึกซ้อมแล้วยังต้องช่วยงานในเฮยะ เช่นทำความสะอาด หุงอาหาร และปรนนิบัติรุ่นพี่ (ป้าว่าอารมณ์เป็นรุ่นน้องต้องโดนรับน้องนิดนึง) ไล่ไปจนถึงขั้นสูงที่เรียกว่า Makuuchi โดยตำแหน่งแชมเปี้ยนที่เรียกว่า Yokozuna เป็นตำแหน่งสูงสุดที่นักซูโม่ทุกคนใฝ่ฝัน~

สล็อตออนไลน์

บอกเลยว่าถ้าผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงและชนะติดต่อกันจนได้เลื่อนขั้นมาถึงตำแหน่ง Yokozuna ก็สบายแล้วเพราะรายได้นี่ไม่ธรรมดา โดยจะได้ค่าเบี้ยเลี้ยง (แม้ไม่ใช่ฤดูกาลแข่งขั้น) เดือนละ 2.8 ล้านเยนต่อเดือน (ย้ำว่าต่อเดือน) ถือว่าเยอะมาก เพราะแม้แต่อาชีพหมอญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ทำงานโรงพยาบาลทั่วไป 3-4 ปีก็ยังแทบไม่ถึงล้านเยนต่อเดือน และเงินนี้ยังไม่รวมค่าสปอนเซอร์ ค่าออกทีวี (กรณีดังเป็นเซเลบริตี้) ฯลฯ ป้าไม่แปลกใจเลยว่านักซูโม่ดังๆของญี่ปุ่นมีแฟน/ภรรยาสวยๆระดับดาราหรือนางแบบแถวหน้าก็ไม่น้อย

กติกาการเล่นซูโม่
กติกาการเล่นจริงๆแล้วแสนง่ายดาย ฝ่ายไหนจับอีกฝ่ายออกจากเชือกวงกลมหรือที่เรียกว่าโดเฮียว (ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.55 เมตร) ได้ก็ถือว่าชนะ ไม่มีอะไรซับซ้อน ตัดสินแพ้ชนะได้ง่ายๆเลยในไม่กี่นาที แต่แตกต่างกับมวยหรือกีฬายกน้ำหนักที่ว่าจะไม่มีการแบ่งประเภทของนักแข่งตามน้ำหนักใดๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมซูโม่ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งดี เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอคู่ต่อสู้ตัวใหญ่แค่ไหน (ส่วนใหญ่ที่ป้าเห็นก็จะน้ำหนักประมาณ 140 กว่ากิโล)

jumboslot

ใครที่เคยดูการแข่งซูโม่คงเคยเห็นว่านักกีฬาซูมีการทำพิธีกรรมและท่าทางต่างๆก่อนเริ่มเล่น โดยนักซูโม่จะโปรยเกลือลงบนสังเวียนเพื่อความบริสุทธิ์ และจะยกขากระทืบเท้าทั้งสองข้างนั้นเพื่อเป็นการไล่ภูติผีปีศาจ เวทีซูโม่และกีฬาซูโม่นั้นถือเป็นของศักดิ์สิทธิตามความเชื่อศาสนาชินโด ตามประเพณีแล้วผู้หญิงห้ามก้าวเข้าไปโดยเด็ดขาด ปี 2018 ที่ญี่ปุ่นออกข่าวกันครึกโครมเนื่องจากนายกเทศมนตรีเกิดหมดสติขณะพูดเปิดงานบนเวทีแข่งซูโม่แล้ว พยาบาลซึ่งเป็นผู้หญิงจึงรีบรุกไปช่วยแต่กลับมีประกาศออกไมค์ว่าให้นางพยาบาลออกไปจากสนามแข่งโดยด่วน เหตุการณ์นี้เรียกเสียงวิพากวิจารณ์กันใหญ่เพราะศตวรรษที่ 21 แล้ว และเกิดเหตุฉุกเฉินขนาดนี้ยังจะยึดประเพณีนี้อีกหรือ…

อาหารซูโม่
กว่าจะขุนน้ำหนักเด็กหนุ่มผอมแห้งให้อ้วนท้วนได้ขนาดนั้น เรื่องกินถือเป็นเรื่องใหญ่และต้องมีวินัยไม่น้อย โดยทุกวันต้องกินให้ได้ประมาณ 20,000 แคลอรี (คนปกติกินประมาณ 2,500 แคลอรี มากกว่าเกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว) ที่น่าสนใจคือวิธีการกินเพราะซูโม่ที่เห็นตัวใหญ่ๆนั้นเขาไม่กินอาหารเช้ากันนะ เมื่อตื่นเช้ามาก็จะฝึกซ้อมอย่างหนักให้หิวจนสามารถกินได้เยอะๆในมื้อกลางวัน

slot

อาหารหลักของซูโม่คือ ‘Chanko-Nabe’ หรือหม้อไฟที่หลักๆแล้วประกอบด้วยเนื้อ ปลา ผัก เต้าหู้ เน้นโปรตีนเป็นสำคัญ เสริมด้วยข้าวสวยที่จะทานกันเป็นสิบชามหรือบางครั้งก็จะตบท้ายด้วยการเทเส้นอุด้งลงในน้ำซุปที่เหลืออีก และปิดท้ายด้วยเบียร์ เอาให้อิ่มหนำสำราญ ส่วนอาหารเย็นก็ยืนพื้นด้วยเมนูนี้เช่นกัน เมื่อท้องตึงแล้วก็ได้เวลานอนและต้องนอนตอนอิ่มเท่านั้นเพื่อจะได้ลดการเผาผลาญพลังงาน ดังนั้นจากตารางชีวิตประจำวันจะสังเกตได้ว่าซูโม่จะนอนหลังกินอาหารเที่ยงอิ่มๆเกือบสี่ชั่วโมงเลยทีเดียว (เอาเป็นว่าใครจะไดเอทกรุณาทำตรงกันข้ามกับการกินนี้~)

ใครอยากลิ้มลองว่าอาหารซูโม่เป็นอย่างไรให้ไปที่ย่าน Ryogoku ที่โตเกียวได้เลย ซึ่งย่านนี้ถือเป็นย่านซูโม่จึงมีร้านอาหารที่ขาย Chanko-Nabe เยอะมาก หลายร้านเขาก็ปรับให้คนธรรมดาอย่างเราๆทานได้ ปริมาณไม่ได้มโหฬารอย่างนักซูโม่เขา นอกจากนี้มาทานอาหารในย่านนี้อาจได้เห็นซูโม่ตัวเป็นๆเดินผ่านไปมาหรือนั่งอยู่ในร้านอาหารข้างๆเราก็เป็นได้นะ ญี่ปุ่นเป็นเมืองท่องเที่ยวที่งดงาม