รู้จักการจัดจานอาหารญี่ปุ่นทั้ง 4 ฤดู

หลายท่านที่เคยไปร้านอาหารญี่ปุ่นจะต้องเคยสั่ง set อาหารญี่ปุ่นเพื่อมารับประทาน และมีไม่น้อยที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอาหารเก็บเป็นที่ระลึก แต่เคยสังเกตุมั้ยว่ารายละเอียดการจัดวางของอาหารนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ในครั้งนี้เราจะอยากจะแนะนำไห้รู้จักกับวิธีการจัดชุดอาหารแบบญี่ปุ่นว่าเป็นอย่างไร เอกลักษณ์ของอาหารญี่ปุ่นในแต่ละฤดูที่น่าสังเกตนั้นมีอะไรบ้าง เมื่อทราบเทคนิคดังกล่าวแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการถ่ายรูปอาหารให้ตรงจุดได้อย่างแน่นอน

ชุดอาหารญี่ปุ่นหลัก อิจิจูซันไซ
โดยทั่วไปแล้ววัฒนธรรมการจัดชุดอาหารแบบญี่ปุ่นนั้นจะยึดหลัก อิจิจูซันไซ (一汁三菜) ซึ่งแปลว่าน้ำซุป 1 อย่าง และกับข้าว 3 อย่าง หมายถึงในชุดอาหารต่อท่านหนึ่งนั้นจะต้องมีข้าว กับข้าว และเครื่องเคียงรวมกัน 3 อย่าง เช่น ข้าวเสริฟพร้อมกับน้ำซุปอย่างน้ำซุปมิโซะ ซุปสาหร่าย อีก1ถ้วย ซึ่งหากนำมาวางบนถาดอาจจัดวางได้ดังนี้

jumbo jili

ข้าว วางบริเวณซ้ายมือสุด
น้ำซุป วางบริเวณขวามือสุด
อาหารหลัก วางบริเวณด้านบนของตำแหน่งถาดอาหาร ในส่วนนี้บางเมนูอาจนำไปใส่รวมกับข้าวด้วย เช่น ข้าวหน้าปลาไหลญี่ปุ่น
กับข้าวหรือเครื่องเคียงรองลงมา วางไว้ข้างๆอาหารหลัก
เครื่องเคียงเล็กน้อย อาทิ ผักดอง วางไว้ตรงกลางระหว่างข้าวกับน้ำซุป
และตะเกียบ วางรวบไว้เป็นแนวนอนบริเวณข้างล่างข้าว

แต่แน่นอนว่านอกจากอิจิจูซันไซแล้ว ก็ยังมีการจัดวางได้อีกหลายรูปแบบ เช่นอาหารประเภทหม้อไฟ (นาเบะ) ที่ส่วนใหญ่จะใหญ่เกินกว่าจะจัดลงในถาดเดียวได้

สล็อต

เอกลักษณ์ของอาหารญี่ปุ่น
สำหรับวัฒนธรรมอาหารที่เด่นชัดของญี่ปุ่นอย่างหนึ่งคือ ความสดใหม่ของของวัตถุดิบ ในที่นี้คือการรักษาคุณภาพและรสชาติของอาหารให้คงความสดใหม่ ด้วยเหตุนี้เราจึงมักเห็นร้านอาหารที่มักใช้วิธีการปรุงอาหารสดๆมากมายทั่วประเทศญี่ปุ่นและร้านอาหารที่เน้นความหลากหลายของวัตถุดิบสดๆทางทำธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆอย่าง ซูชิหรือซาชิมิ เป็นต้นครอบคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้คนญี่ปุ่นได้ให้นิยามไว้ว่าอาหารญี่ปุ่นนั้นจะต้องมี 5 รสชาติ 5 สี รับรู้จาก 5 สัมผัส และใช้ 5 วิธีในการปรุงอาหาร

อุดมไปด้วย 5 รสชาติ ได้แก่ รสหวาน รสเปรี้ยว รสเค็ม รสขม และรสเผ็ด
แฝงไปด้วย 5 สี ได้แก่ สีขาวจากข้าว สีดำ(สีม่วง)จากสาหร่าย สีเหลืองจากผักบางชนิด สีแดงจากปลาและเนื้อสัตว์ และสีเขียวจากผักทั่วไปในญี่ปุ่น
สัมผัสได้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตาที่มองเห็นสีสันของอาหาร หูที่ได้ยินเสียง (เช่น เสียงอาหารบนกระทะร้อน) จมูกที่ได้กลิ่นอาหารหอมๆ และปากที่ลิ้มรสชาติและสัมผัสของอาหาร
5 วิธีการปรุงอาหาร ได้แก่ ย่าง ต้ม ทอด นึ่ง และอาหารสด

สล็อตออนไลน์

ชุดอาหาร4ฤดู
การจัดชุดอาหารญี่ปุ่นในแต่ละฤดูนั้นแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงทั้งสีสันของอาหาร อุปกรณ์และภาชณะใส่อาหารตามฤดู รวมถึงรูปแบบของอาหารที่นำมาเสริฟ แบ่งตาม4ฤดูกาลของญี่ปุ่นได้ดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ
ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เป็นช่วงอากาศที่อบอุ่นสำหรับคนญี่ปุ่นและมีสภาพแวดล้อมธรรมชาติที่สวยงาม พืชผลมักผลิบาน ชุดอาหารที่จัดจะยึดโทนสีชมพูหรือสีเขียวในการตกแต่ง เช่นผักดองต่างๆหลายชนิด และมักใช้ดอกไม้ใบไม้สดในการตกแต่งอาหาร มักเลือกใช้ถ้วยเล็กๆ เยอะๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ปลาชุกชุม ทำให้เมนูที่เสริฟนั้นมักพร้อมไปด้วยปลาและเครื่องเคียงมากมาย ถ้วยที่เลือกใช้ใส่อาหารอาจเป็นลวดลายซากุระ

jumboslot

ฤดูร้อน
ในช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม มีอากาศร้อนชื้นและฝนตกในช่วงสั้นๆ นิยมเสริฟอาหารในถ้วยแก้วใสๆ เพื่อให้รู้สึกถึงความเย็นสบาย ซึ่งจะใช้ทั้งกับของคาวและของหวานเย็นๆ ใช้ถ้วยชามทรงปากกว้างและตื้นเพื้อให้อาหารสัมผัสกับอากาศ โทนของอาหารและการตกแต่งช่วงฤดูร้อนจะมีสีสดใส เช่นเป็นสีแดง (จากเนื้อสัตว์) สีเขียว สีม่วง สีฟ้าแบบท้องฟ้า และบางทีก็เลือกอาหารที่ช่วยคลายร้อน เช่นบะหมี่เย็น

ฤดูใบไม้ร่วง
ในช่วงเดือนกันยายน-พฤศจิกายน อากาศค่อนข้างสบายและเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต อาหารมักจะเกี่ยวกับปลาและผักหลายชนิด อาหารมักตกแต่งด้วยใบไม้ที่เปลี่ยนสีและเน้นการใช้ชามเป็นหลัก โดยมักใช้ภาชนะที่เป็นไม้หรือเซรามิคสีค่อนข้างทึบ โทนสีการตกแต่งอาหารในฤดูใบไม้ร่วงนั้นมักจะเป็นสีแดง เหลือง และส้ม เพื่อแสดงถึงใบไม้เปลี่ยนสี

slot

ฤดูหนาว
ในช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อากาศหนาวเย็นถึงขั้นติดลบ ด้วยเหตุนี้ถ้วยชามที่เลือกนำมาใส่นั้นจะเป็นทรงลึกเพื่อกักเก็บความร้อนให้คงอยู่ รวมถึงจะใช้หม้อหลากหลายรูปแบบเพราะเมนูหลักมักจะเป็นเมนูหม้อไฟและซุปร้อนประกอบเป็นหลักในชุดอาหาร โทนสีการตกแต่งอาหารในฤดูหนาวนั้นจะเป็นสีขาว
อาหารแนะนำ : เมนูปูและปลาหมึกยักษ์ต่างๆ หม้อไฟ

สำหรับในโอกาสพิเศษอาจเจอการตกแต่งชุดอาหารญี่ปุ่นด้วยสีแดงและสีทองเนื่องจากเป็นสีมงคล ส่วนชุดอาหารสำหรับงานอวมงคลของญี่ปุ่นจะเป็นโทนสีดำสนิท หวังว่าผู้อ่านหลายๆท่านจะนำเทคนิคการสังเกตชุดอาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่นนี้ นำไปสังเกตความตั้งใจต่อรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของร้านอาหารหรือภัตตาคารญี่ปุ่นเหมือนที่เขาใส่ใจต่อการบริการด้วยใจแบบญี่ปุ่นนะ คนญี่ปุ่นชอบการท่องเที่ยวและการกินมาก

รู้รอบเรื่องซูโม่

ถ้าพูดถึงกีฬาญี่ปุ่นละก็ ภาพของนักซูโม่ลอยมาแน่นอน เพราะด้วยรูปร่างอันสูงใหญ่ นุ่งผ้าน้อยชิ้นพร้อมทรงผมอันเป็นเอกลักษณ์ทำให้หลายคนจดจำกีฬาญี่ปุ่นชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี มาค้นหาความน่าสนใจและเสน่ห์ของกีฬาซูโม่กับป้าเมโกะแล้วจะรู้ว่าซูโม่เป็นมากกว่ากีฬาของชาติญี่ปุ่นเสียอีก~

ประวัติซูโม่
ซูโม่มีประวัติยาวนานกว่า 1,500 ปี ถือเป็นกีฬาที่ฝังรากลึกเข้าไปในวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่เดิมซูโม่ไม่ได้เป็นกีฬาเอาไว้ชมกันอย่างเดียว แต่ยังเอาไว้แสดงประกอบพิธีกรรมหน้าเทพเจ้าตามความเชื่อของชินโต เพื่อแสดงความเคารพเทพเจ้าและเพื่อขอพรให้พืชผลออกดีในฤดูเก็บเกี่ยวอีกด้วย จนถึงสมัยเอโดะ ในสมัยนั้นได้เริ่มมีการจัดการแข่งซูโม่ขึ้นเพื่อหาเงินบริจาคสร้างศาลเจ้าหรือวัด คนธรรมดาก็เลยมีโอกาสได้ชมซูโม่ และนักกีฬาซูโม่มืออาชีพก็ได้ถือกำเนิดขึ้น จนพัฒนามาเป็นกีฬาซูโม่ที่เราเห็นอย่างทุกวันนี้

jumbo jili

กว่าจะได้เป็นนักซูโม่
การจะได้เป็นนักซูโม่นั้นไม่ง่าย เพราะต้องผ่านการฝึกฝนหลายขั้นตอน เพราะการเป็นนักซูโม่ได้นั้นถือว่ามีเกียรติและซูโม่ยังถูกยกย่องให้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการดำรงชีวิตตามแบบแผนญี่ปุ่นดั้งเดิม ดังนั้นนักซูโม่จึงต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะการฝึกซ้อม การกิน และวิธีการดำรงชีวิต

ก่อนจะมาเป็นซูโม่มืออาชีพต้องสมัครเข้าโรงเรียนฝึกหรือที่เรียกว่า ‘เฮยะ’ เสียก่อนเพราะซูโม่ต้องมีสังกัดอยู่ ถ้าเปรียบแบบบ้านเราคือต้องเป็นศิษย์ในค่ายมวย แต่ละค่ายอาจมีกฎเกณฑ์รับสมัครต่างกัน แต่ส่วนมากจะรับสมัครอายุไม่เกิน 23-25 ปี ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า 165-167 เซนติเมตร น้ำหนัก 65-67 กิโลกรัมขึ้นไป (ค่อยไปขุนน้ำหนักทีหลังได้) และเป็นเพศชายเท่านั้น นอกจากการฝึกทักษะการปล้ำมวยแล้วพวกเขายังต้องเข้าห้องเรียนวิชาการเป็นเวลา 6 เดือน เช่นการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ซูโม่ การเขียนพู่กัน หรือสังคมศาสตร์ก็ต้องเรียนเหมือนกัน

สล็อต

โดยตารางชีวิตของซูโม่ฝึกหัดนั้นเข้มงวดไม่เบา เพราะถูกกำหนดไว้หมดแล้วโดยเริ่มตั้งแต่ตื่นนอน 6 โมงเช้า / 6 โมงครึ่งฝึกซ้อม / 11 โมงเช้าอาบน้ำ / เที่ยงทานอาหารกลางวัน / บ่ายสองนอนหรือพักผ่อนตามอัธยาศัย / 4 โมงเย็น ทำความสะอาดและฝึกซ้อม / 6 โมงเย็น ทานอาหารเย็น /สามทุ่มครึ่ง เข้านอน (เฮยะจะปิดประตู ปิดไฟหมด เป็นการบังคับให้นอน) เป็นต้น

กว่าจะประสบความสำเร็จเป็นแถวหน้าในวงการนั้นไม่ง่าย ใช้ทั้งเวลาและความอดทนไม่น้อย ลำดับขั้นของซูโม่มีทั้งหมด 6 ขั้น จะได้เลื่อนขั้นหรือถูกลดขั้นไปลำดับไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับผลงานว่าแพ้หรือชนะมากเท่าไร โดยขั้นต่ำสุด คือ Jonokuchi ซึ่งถือว่าเป็นขั้นแรกสุดและลำบากสุดก็ว่าได้ เพราะไหนจะต้องฝึกซ้อมแล้วยังต้องช่วยงานในเฮยะ เช่นทำความสะอาด หุงอาหาร และปรนนิบัติรุ่นพี่ (ป้าว่าอารมณ์เป็นรุ่นน้องต้องโดนรับน้องนิดนึง) ไล่ไปจนถึงขั้นสูงที่เรียกว่า Makuuchi โดยตำแหน่งแชมเปี้ยนที่เรียกว่า Yokozuna เป็นตำแหน่งสูงสุดที่นักซูโม่ทุกคนใฝ่ฝัน~

สล็อตออนไลน์

บอกเลยว่าถ้าผ่านการฝึกซ้อมอย่างหนักหน่วงและชนะติดต่อกันจนได้เลื่อนขั้นมาถึงตำแหน่ง Yokozuna ก็สบายแล้วเพราะรายได้นี่ไม่ธรรมดา โดยจะได้ค่าเบี้ยเลี้ยง (แม้ไม่ใช่ฤดูกาลแข่งขั้น) เดือนละ 2.8 ล้านเยนต่อเดือน (ย้ำว่าต่อเดือน) ถือว่าเยอะมาก เพราะแม้แต่อาชีพหมอญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์ทำงานโรงพยาบาลทั่วไป 3-4 ปีก็ยังแทบไม่ถึงล้านเยนต่อเดือน และเงินนี้ยังไม่รวมค่าสปอนเซอร์ ค่าออกทีวี (กรณีดังเป็นเซเลบริตี้) ฯลฯ ป้าไม่แปลกใจเลยว่านักซูโม่ดังๆของญี่ปุ่นมีแฟน/ภรรยาสวยๆระดับดาราหรือนางแบบแถวหน้าก็ไม่น้อย

กติกาการเล่นซูโม่
กติกาการเล่นจริงๆแล้วแสนง่ายดาย ฝ่ายไหนจับอีกฝ่ายออกจากเชือกวงกลมหรือที่เรียกว่าโดเฮียว (ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 4.55 เมตร) ได้ก็ถือว่าชนะ ไม่มีอะไรซับซ้อน ตัดสินแพ้ชนะได้ง่ายๆเลยในไม่กี่นาที แต่แตกต่างกับมวยหรือกีฬายกน้ำหนักที่ว่าจะไม่มีการแบ่งประเภทของนักแข่งตามน้ำหนักใดๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมซูโม่ยิ่งตัวใหญ่ยิ่งดี เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอคู่ต่อสู้ตัวใหญ่แค่ไหน (ส่วนใหญ่ที่ป้าเห็นก็จะน้ำหนักประมาณ 140 กว่ากิโล)

jumboslot

ใครที่เคยดูการแข่งซูโม่คงเคยเห็นว่านักกีฬาซูมีการทำพิธีกรรมและท่าทางต่างๆก่อนเริ่มเล่น โดยนักซูโม่จะโปรยเกลือลงบนสังเวียนเพื่อความบริสุทธิ์ และจะยกขากระทืบเท้าทั้งสองข้างนั้นเพื่อเป็นการไล่ภูติผีปีศาจ เวทีซูโม่และกีฬาซูโม่นั้นถือเป็นของศักดิ์สิทธิตามความเชื่อศาสนาชินโด ตามประเพณีแล้วผู้หญิงห้ามก้าวเข้าไปโดยเด็ดขาด ปี 2018 ที่ญี่ปุ่นออกข่าวกันครึกโครมเนื่องจากนายกเทศมนตรีเกิดหมดสติขณะพูดเปิดงานบนเวทีแข่งซูโม่แล้ว พยาบาลซึ่งเป็นผู้หญิงจึงรีบรุกไปช่วยแต่กลับมีประกาศออกไมค์ว่าให้นางพยาบาลออกไปจากสนามแข่งโดยด่วน เหตุการณ์นี้เรียกเสียงวิพากวิจารณ์กันใหญ่เพราะศตวรรษที่ 21 แล้ว และเกิดเหตุฉุกเฉินขนาดนี้ยังจะยึดประเพณีนี้อีกหรือ…

อาหารซูโม่
กว่าจะขุนน้ำหนักเด็กหนุ่มผอมแห้งให้อ้วนท้วนได้ขนาดนั้น เรื่องกินถือเป็นเรื่องใหญ่และต้องมีวินัยไม่น้อย โดยทุกวันต้องกินให้ได้ประมาณ 20,000 แคลอรี (คนปกติกินประมาณ 2,500 แคลอรี มากกว่าเกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว) ที่น่าสนใจคือวิธีการกินเพราะซูโม่ที่เห็นตัวใหญ่ๆนั้นเขาไม่กินอาหารเช้ากันนะ เมื่อตื่นเช้ามาก็จะฝึกซ้อมอย่างหนักให้หิวจนสามารถกินได้เยอะๆในมื้อกลางวัน

slot

อาหารหลักของซูโม่คือ ‘Chanko-Nabe’ หรือหม้อไฟที่หลักๆแล้วประกอบด้วยเนื้อ ปลา ผัก เต้าหู้ เน้นโปรตีนเป็นสำคัญ เสริมด้วยข้าวสวยที่จะทานกันเป็นสิบชามหรือบางครั้งก็จะตบท้ายด้วยการเทเส้นอุด้งลงในน้ำซุปที่เหลืออีก และปิดท้ายด้วยเบียร์ เอาให้อิ่มหนำสำราญ ส่วนอาหารเย็นก็ยืนพื้นด้วยเมนูนี้เช่นกัน เมื่อท้องตึงแล้วก็ได้เวลานอนและต้องนอนตอนอิ่มเท่านั้นเพื่อจะได้ลดการเผาผลาญพลังงาน ดังนั้นจากตารางชีวิตประจำวันจะสังเกตได้ว่าซูโม่จะนอนหลังกินอาหารเที่ยงอิ่มๆเกือบสี่ชั่วโมงเลยทีเดียว (เอาเป็นว่าใครจะไดเอทกรุณาทำตรงกันข้ามกับการกินนี้~)

ใครอยากลิ้มลองว่าอาหารซูโม่เป็นอย่างไรให้ไปที่ย่าน Ryogoku ที่โตเกียวได้เลย ซึ่งย่านนี้ถือเป็นย่านซูโม่จึงมีร้านอาหารที่ขาย Chanko-Nabe เยอะมาก หลายร้านเขาก็ปรับให้คนธรรมดาอย่างเราๆทานได้ ปริมาณไม่ได้มโหฬารอย่างนักซูโม่เขา นอกจากนี้มาทานอาหารในย่านนี้อาจได้เห็นซูโม่ตัวเป็นๆเดินผ่านไปมาหรือนั่งอยู่ในร้านอาหารข้างๆเราก็เป็นได้นะ ญี่ปุ่นเป็นเมืองท่องเที่ยวที่งดงาม

10 สัตว์ประหลาดในตำนานของญี่ปุ่น

สัตว์ประหลาดของญี่ปุ่นหลายตัวนั้นไม่ได้มีพิษภัย เพียงแค่บำเพ็ญเพียรหรือมีอายุมากจนมีรูปร่างเปลี่ยนไปเท่านั้น ส่วนมาก็จะขึ้นสวรค์ไปทั้งยังงั้น ไม่ได้ก่อกวนมนุษย์ถ้ามนุษย์ไม่ไปหาเรื่องก่อน แต่ในจำนวนนั้น แน่นอนว่ามีตัวโหดๆ ที่รับรองได้ว่าคุณจะต้องไม่อยากยุ่งด้วย ไม่อยากจะเจอ และไม่อยากแม้จะบังเอิญเห็นด้วยซ้ำ เพราะบางตัวแต่เห็นก็ซวยได้ง่ายๆ แล้ว

jumbo jili

  1. Kamaitachi
    Kamaitachi มาจากคำว่า Kama ที่แปลว่า เคียว และ Itachi ที่แปลว่าพังพอน โดยปกติ Kamaitachi จะอยู่ด้วยกันสามตัวพี่น้อง ที่คอยป่วนวิ่งเอาเคียวใส่ฟันขาคน โดยตัวแรกจะขัดขาให้คนล้มก่อน แล้วตัวที่สองจะใช้เคียวฟันขา และตัวที่สามจะคอยเย็บแผล ทั้งหมดนี้เกิดในพริบตาเดียวเท่านั้น ขนาดที่แค่กระพริบตาทีเดียว ขาก็หายไปแล้ว!
  2. Joro-Gumo
    Joro-gumo คือปิศาจแมงมุมสาวที่ปกติเป็นสาวงาม แต่สามารถแปลงกายเป็นแมงมุมยักษ์ได้ บางครั้งก็จะมีท่อนบนเป็นสาวงามและท่อนล่างมีขายุ่บยั่บเหมือนแมงมุม คอยหลอกหนุ่มๆ ให้เข้าใกล้ก่อนจะพันด้วยใยแมงมุม พ่นพิษใส่ และกินจนไม่เหลือ บางทีก็จะปรากฏกายเป็นสาวงามอุ้มเด็ก เรียกให้หนุ่มๆ ที่เดินผ่านมาให้ช่วยอุ้ม ก่อนจะเห็นว่าจริงๆ แล้วเด็กคือไข่แมงมุมมากมาย

สล็อต

  1. Katakirauwa
    ปิศาจลูกหมู ฟังชื่อดูน่ารักแต่ระวังให้ดีเพราะเจ้าลูกหมูตัวนี้จะมีลักษณะเด่นดังนี้
    1) มีหูเดียว
    2) ไม่มีเงา
    3) ถ้าคุณปล่อยให้มันวิ่งลอดระหว่างขาของคุณได้ มันจะขโมยวิญญาณของคุณไป
  2. Tsuchigumo
    เราคงจะรู้จักสัตว์ประหลาดที่เป็นลูกผสมระหว่างสัตว์ต่างๆ ในเทพนิยายกรีกอย่าง Manticore ที่มีตัวเป็นสิงโต มีปีกค้างคาว และมีหัวเป็นคนกันเป็นอย่างดี ญี่ปุ่นก็มีสัตว์ประหลาดแบบนั้นเช่นกัน อย่าง Tsuchigumo ที่มีร่างกายเป็นเสือ มีแขนขาของแมงมุม และมีหน้าของปิศาจ คอยจับนักเดินทางกิน โดยในตำนานของญี่ปุ่น เมื่อมีคนปราบมันได้ แรากฏว่ามีโครงกระดูกของมนุษย์ร่วงออกมาจากร่างกายมันถึง 1,990 ชิ้นเลยทีเดียว

สล็อตออนไลน์

  1. Isonade
    ให้ลองนึกภาพฉลามที่มีครีบแหลมเรียงกันยังกะที่ขูดชีส (แต่เอาไว้ขูดเนื้อคุณแทน) เจ้าตัวนั้นคือ Isonade ฉลามยักษ์ผู้ดุร้ายแห่งท้องทะเล ที่จะใช้ทั้งฟันแหลมคมลากคุณลงท้องทะเล ก่อนจะใช้ครีบในการบดคุณเป็นชิ้นๆ
  2. Bake-Kujira
    การได้เจอปลาวาฬที่มีชีวิตอยู่แบบตัวเป็นๆ นั้นจัดว่าโชคดีมากๆ แต่ยามใดที่ปลาวาฬถูกสังหาร มันจะกลับมาในร่างของผีปลาวาฬ หรือ Bake-Kujira ในคราบของโครงกระดูกเคลื่อนไหว ที่จะนำหายนะมาให้ผู้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นสารพัดความโชคร้ายอย่างไฟไหม้ แผ่นดินไหว คลื่นลมทะเลคลั่ง และโรคระบาดสารพัด

jumboslot

  1. Bakeneko
    ปิศาจแมวมีหลากหลายประเภทมาก Bakeneko เป็นหนึ่งในนั้น Bake (อ่านว่า บาเก) แปลว่าแปลงร่าง ส่วน neko แปลว่าแมว นั่นก็หมายถึงปิศาจแมวแปลงร่างนั่นเอง โดยมากจะเป็นแมวที่มีอายุยืน อยู่จนแก่พอจนกลายเป็นปิศาจ และยิ่งแก่ก็ยิ่งมีพลังมาก และสามารถขยายร่างได้ใหญ่มากตามกัน มักจะนำหายนะมาให้เจ้าของ และยังสามารถกินเจ้าของได้ด้วย บางทีก็จะเรียกลูกไฟขนาดยักษ์มาก่อให้เกิดไฟไหม้รอบบริเวณ
  2. Akkorokamui
    หลายๆ ประเทศมักจะมีสัตว์ปริศนาลึกลับที่ไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วเป็นแค่ตำนานหรือมีอยู่จริง ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาปล็อคเนส หรือตัวบิ๊กฟุต ญี่ปุ่นก็มีอยู่เหมือนกัน เจ้าตัวนั้นมักจะปรากฏกายเป็นปลาหมึกยักษ์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 110 เมตร มันคือ Akkorokamui ในช่วงศตวรรษที่ 1900 เคยมีคนเคลมว่าได้เจอเจ้า Akkorokamui ในขณะที่กำลังล่าหาปลาอยู่ ได้ถูกโจมตีโดยปลาหมึกยักษ์ แต่ยังโชคดีที่ลำตัวสีแดงสดมันทำให้เราเห็นมันได้ง่ายแต่ไกล ฉะนั้นระวังตัวให้ดีถ้าเห็นอะไรแดงๆ ใหญ่อยู่ใต้น้ำให้กลับเรือหนีทันที!

slot

  1. Nine Tailed Kyuubi
    Nine Tailed Kyuubi หรือจิ้งจอกเก้าหางนั้นคือหมาจิ้งจอกที่มีอิทธิฤทธิ์ ยิ่งหางเยอะก็ยิ่งแปลว่ามีฤทธิ์เดชมาก ว่ากันว่าถ้าจิ้งจอกอายุเกิน 100 ปีก็จะงอกหางเพิ่มอีก 1 หาง ฉะนั้นจิ้งจอกเก้าหางนั้นต้องบำเพ็ญเพียรและมีอายุยาวนานมากกว่า 900 ปี และเมื่อนั้น ขนของมันจะเปลี่ยนสีเป็นสีทองอมขาวอร่ามสวยงาม มันจะสามารถเห็นและได้ยินทุกอย่างจากทุกที่ในโลก และเมื่ออายุครบ 1,000 ปีเมื่อไหร่ ขนจะกลายเป็นสีทองทั้งตัว และกลายร่างเป็น Tenko หรือจิ้งจอกสวรรค์ที่มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด ก่อนจะเดินทางไปอาศัยอยู่ในสวรรค์
  2. Yamata-no-Orochi
    ไม่มีสัตว์ประหลาดตัวไหนที่จะน่าสะพรึงกลัวไปกว่า Yamata-no-Orochi แล้ว Yamata-no-Orochi เป็นมังกรที่มีหัวถึง 8 หัว และมีหาง 8 หาง และลำตัวยาวขนาดสามารถคร่อมยอดเขาได้ถึง 8 ลูก มีอิทธฤทธิ์ร้ายแรง โดยมันจะมากินเด็กสาวในหมู่บ้านริมน้ำปีละคนทุกปีๆ ก่อนจะถูกกำราบลงในที่สุดด้วยชายที่ชื่อ Susanoo โดยวิธีเรียบง่ายมากคือ สร้างกระท่อมที่มีประตู 8 ประตู แต่ละประตูก็จะใส่เหล้าชั้นดีเอาไว้แล้วหลอกให้ Yamata-no-Orochi เข้ามากินก่อนที่จะเมา และถูกสับเป็นชิ้นๆ ไปญี่ปุ่นต้องทำตามประเพณีของเขา

ปีใหม่ในแบบฉบับของญี่ปุ่น

ชมพระอาทิตย์แรกของปี
การชมพระอาทิตย์ขึ้นในวันแรกของปีใหม่ สถานที่ที่นิยมกันก็จะเป็นภูเขา ทะเล หรือตึกสูงที่เห็นวิวได้ชัดเจน โดยมีความเชื่อว่า ได้ชมพระอาทิตย์แรกของปีก็เหมือนได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์ในการดำรงชีวิต เรียกว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีและนำความสุขมาให้ตลอดปี ในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่สถานที่ต่างๆที่ได้รับความนิยมในการเดินทางไปชมแสงแรกของปีก็จะเปิดเป็นกรณีพิเศษในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ตลอดทั้งคืนถึงเช้าวันที่ 1 มกราคม

สถานที่ยอดนิยมในการไปชมพระอาทิตย์ขึ้นวันแรกของปีใหม่ก็มีอยู่ทั่วทุกจังหวัด เช่น ชายฝั่งทะเลกับวิวหินคู่รัก (Bungo Futamigaura) ในจังหวัดโออิตะ, ทะเลสาบทั้ง 5 รอบภูเขาไฟฟูจิในจังหวัดยามานาชิ, บนจุดชมวิวภูเขาทาคาโอะของโตเกียว เป็นต้น

jumbo jili

และเมื่อวันที่ 1 มกราคมมาถึง หลังจากชมแสงแรกของพระอาทิตย์แล้ว ประเพณีที่นิยมกันมากอีกอย่างของชาวญี่ปุ่นก็คือชวนกันไปวัดหรือศาลเจ้าเพื่อสวดมนต์ ขอพรปีใหม่ ทำบุญและอธิษฐานเพื่อความเป็นมงคลแก่ตัวเอง โดยผู้หญิงก็นิยมแต่งชุดกิโมโนไปวัดหรือศาลเจ้าในวันนี้ด้วย

ฮัทสึโมเดะ การขอพรปีใหม่ครั้งแรกของปี ที่วัดหรือศาลเจ้า (Hatsumode
วัดและศาลเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นนิยมไปสักการะขอพรปีใหม่ในแต่ละภูมิภาคก็มีหลายแห่ง เช่น

สล็อต

ศาลเจ้ายาซากะ (Yasaka Jinja) ในเกียวโต ซึ่งมีพิธีไฟศักดิ์สิทธิ์นั่นคือการแกว่งเชือกที่จุดไฟในช่วงเวลาที่ไปขอพรในคืนที่เข้าสู่ปีใหม่ ตามความเชื่อว่าเพื่อปัดเป่าโชคร้ายในปีที่ผ่านมาออกไป และขอให้โชคดีตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) ในกรุงโตเกียวก็มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมาก ถือว่าเป็นศาลเจ้าอีกแห่งที่มีผู้คนเดินทางไปไหว้ขอพรมากที่สุดในช่วงปีใหม่ของทุกปี

ศาลเจ้าดาไซฟุ (Dazaifu Tenmangu) ในจังหวัดฟุกุโอกะ ก็เป็นศาลเจ้าที่เชื่อกันว่าถ้ามาขอพรปีใหม่ที่ศาลเจ้าแห่งนี้จะทำให้ประสบความสำเร็จเรื่องการเรียน

สล็อตออนไลน์

วิธีการสักการะขอพรที่ศาลเจ้าหรือวัดในวันปีใหม่ตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่นจะมี 6 ขั้นตอน ดังนี้

1.โยนเหรียญลงในกล่องถวายเงิน เพื่ออัญเชิญเทพเจ้าให้มารับการสักการะ ส่วนใหญ่นิยมใช้เหรียญ 5 เยน

2.สั่นกระดิ่งที่แขวนอยู่ข้างหน้ากล่องถวายเงิน เป็นการอัญเชิญเทพเจ้าที่บนสวรรค์ให้ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อรับการสักการะ

3.โค้งคำนับ 2 ครั้ง เป็นขั้นตอนการคำนับฟ้าดิน

jumboslot

4.พนมมือและอธิษฐาน

5.ปรบมือ 2 ครั้ง เพื่อแสดงความคารวะเทพเจ้าที่ได้มารับฟังสิ่งที่เราขอพร และอัญเชิญให้กลับไปสถิตย์ยังที่เดิม

6.โค้งคำนับ 1 ครั้ง เพื่อคารวะต่อศาลเจ้าอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

“โอมิคุจิ” และ “โอมาโมริ” รับปีใหม่
ประเพณีปีใหม่ซึ่งเป็นที่นิยมที่สุดในญี่ปุ่น คงเป็นการเสี่ยงเซียมซีเพื่อรับใบทำนายที่วัดหรือศาลเจ้าหรือที่เรียกว่า “โอมิคุจิ” เพื่อทำนายว่าในปีนี้ดวงชะตาจะเป็นอย่างไร โดยมีรูป

slot

แบบดวงชะตาราวๆ หนึ่งร้อยรูปแบบ ซึ่งระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการเงิน, สุขภาพ, ความรัก และอื่นๆ หากอ่านแล้วรู้สึกว่าคือโชคร้าย ตามธรรมเนียมก็จะต้องผูกใบเซียมซีนี้ไว้ในบริเวณวัดหรือศาลเจ้าเพื่อเป็นการทิ้งความโชคร้ายเอาไว้ที่นี่ ส่วนใครที่ได้โชคดีก็มักจะนำใบเซียมซีกลับไปด้วย

ส่วน “โอมาโอริ” ก็คือเครื่องรางที่มีความหมายเป็นสิริมงคลที่สามารถซื้อได้ในศาลเจ้าหรือวัดในวันปีใหม่ ตามจุดประสงค์ที่แต่ละคนต้องการ เช่น เครื่องรางเนื้อคู่, เครื่องรางส่งเสริมเรื่องการเงิน, สุขภาพ เป็นต้น โอมาโอริที่พบเห็นได้ทั่วไปจะมีลักษณะเป็นถุงไหมปักเล็กๆ สำหรับพกพาติดตัวนั่นเอง คนญี่ปุ๋นจะทำตามวัตนธธรรมของเขาแบบเค่งคัดเสมอ

เทศกาลปีใหม่ในแบบฉบับของญี่ปุ่น

เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของญี่ปุ่นในทุกๆปี มักจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ไปจนถึงวันที่ 4 มกราคม ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลขึ้นปีใหม่เป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวที่ทำให้ได้มีเวลาพักผ่อนจากการทำงาน อีกทั้งสมาชิกในครอบครัวก็ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันและทำกิจกรรหลายๆอย่างร่วมกัน

การตกแต่งบ้านรับปีใหม่
การตกแต่งบ้านรับปีใหม่ในญี่ปุ่นปกติแล้วจะทำให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี ซึ่งของมงคลสำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไปก็ เช่น

jumbo jili

ประตูสน หรือ คาโดมัทสึ (Kadomatsu) ที่นำมาประดับประตูรั้วบ้าน ลักษณะเป็นไม้ไผ่ปลายแหลมแซมด้วยใบสน ใบเฟิร์น ฟางข้าวและสิ่งมงคลต่างๆ โดยมักจะประดับเป็นคู่ทางซ้ายและขวาของประตูรั้ว ตามความเชื่อว่าเพื่อให้เป็นที่สังเกตของเทพเจ้าให้เข้ามาในบ้านได้ถูกต้อง สนสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของต้นไม้เทพเจ้า ส่วนไผ่สีเขียวจมีลำต้นตรงและล้มยากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว

การจัดบ้านมุมหนึ่งในพื้นที่เล็กๆเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าโทโคโนมะ (Tokonoma) และเครื่องสักการะที่นำมาวางนั้นก็จะมี คากามิโคจิ (Kagamimochi) เป็นโมจิกลมๆ สองลูกซึ่งหมายถึงตัวแทนพระอาทิตย์กับพระจันทร์ วางซ้อนกันอยู่ หลังจากผ่านช่วงเทศกาลปีใหม่ไป ประมาณวันที่ 11 มกราคม ก็สามารถนำโมจิทั้งสองลูกไปรับประทานเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับคนในครอบครัว

สล็อต

ส่งท้ายปีเก่าด้วยโซบะข้ามปี “โทชิโคชิ โซบะ” (Toshikoshi Soba)
วันที่ 31 ธันวาคม หรือวันสิ้นปีชาวญี่ปุ่นจะเรียกวันนี้ว่าโอมิโซกะ (Omisoka) ประเพณีที่ยังคงปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างหนึ่งก็คือการรับประทานโซบะ (soba) ที่เรียกกันว่าโซบะข้ามปี หรือ “โทชิโคชิ โซบะ” (Toshikoshi Soba) เพื่อส่งท้ายปีที่กำลังจะผ่านพ้นไป

มีความเชื่อว่า ความยาวของเส้นโซบะเปรียบได้กับการมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนยาว อีกทั้งลักษณะที่ตัดขาดได้ง่ายก็หมายถึงการตัดเอาเรื่องร้ายๆ ที่ผ่านมาในปีเก่าออกไป
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือในช่วงสิ้นปีเป็นช่วงที่ส่วนใหญ่ทุกคนจะวุ่นวายอยู่กับการทำความสะอาดและตกแต่งบ้าน การทานโซบะในวันนี้ก็เพราะเป็นอาหารที่ทำรับประทานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก โซบะข้ามปีนั้นก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่น เซโระโซบะ (Seiro Soba) ลักษณะเป็นโซบะเย็นที่ทานกับน้ำซอสทสึยุ (Tsuyu) หรือ นิชินโซบะ (Nishin Soba) เป็นโซบะในน้ำซุปร้อนๆ โรยหน้าด้วยปลานิชินต้มน้ำตาล ดังนั้นในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ถ้าไม่ได้ทำโซบะรับประทานเองที่บ้าน แต่ออกไปที่ร้านก็จะพบว่าร้านโซบะแทบทุกร้านจะเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากที่มาทานโซบะข้ามปี

สล็อตออนไลน์

ประเพณีตำโมจิ “โมจิทสึกิ” (Mochitsuki)
โมจิ (Mochi) ถือเป็นอาหารมงคลในหลายโอกาสของชาวญี่ปุ่น และนิยมนำไปเป็นเครื่องสักการะเทพเจ้าตามความเชื่อแต่โบราณด้วย (เทียบได้กับน้ำแดงตามศาลพระภูมิของคนไทย)
ช่วงปีใหม่ชาวญี่ปุ่นจะมีการทำโมจิด้วยวิธีแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า โมจิทสึกิ (Mochitsuki) โดยจะเริ่มจากการใส่ข้าวเหนียวลงในอุซุ (Usu) หรือครกไม้ขนาดใหญ่ แล้วก็ต้องมีใครคนหนึ่งใช้สากไม้ที่เรียกว่าคิเนะ (Kine) ตำลงไปเป็นจังหวะ และมีผู้ช่วยอีกคนมาทำหน้าที่ช่วยพลิกโมจิไปด้วยจนกันได้ออกมาเป็นก้อนแป้งโมจิที่นุ่มเหนียวพร้อมจะนำไปทำขนมและอาหารต่อไป ซึ่งในเทศกาลปีใหม่ชาวญี่ปุ่นก็มักจะนำโมจิมาใส่ในน้ำซุบร้อนๆ สำหรับรับประทานที่เรียกกันว่า โอโซนิ (Ozoni)

jumboslot

“โอเซชิ” (Osechi ryori) อาหารมงคลแห่งเทศกาลปีใหม่
วันที่ 1 มกราคมในญี่ปุ่นจะมีการทำอาหารมงคลมื้อแรกของปี ที่ทำขึ้นเพื่อรับประทานกันภายในครอบครัวตามความเชื่อตั้งแต่โบราณว่าเป็นเป็นการต่ออายุให้ยืนยาว อาหารมงคล
วันปีใหม่หรือ โอเซชิ Osechi Ryori เป็นเมนูที่ประกอบด้วยอาหารหลายชนิด โดยต้องมีอาหารหลัก 3 อย่าง เป็นของพื้นบ้านในแต่ละภูมิภาคและเป็นอาหารที่มีความหมายเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของญี่ปุ่น ตัวอย่างเช่น
-คาซูโนโกะ หรือไข่ปลาแฮร์ริง ซึ่งเป็นปลาที่วางไข่เป็นจำนวนมาก หมายถึงการมีบุตรหลานสืบตระกูลต่อไป
-ลูกปลาซาร์ดีนตากแห้ง เป็นสิ่งที่สื่อความหมายถึงการเพาะปลูกพืชไร่ให้ได้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์
-กุ้ง เพราะกุ้งที่มีลำตัวงอเปรียบได้กับการขอให้มีอายุยืนยาวจนหลังคุ้มงอ

slot

-ก้อนทองคำ ทำจากเนื้อเกาลัดนึ่งนำไปบดผสมกับถั่วลันเตาบดและมันฝรั่งบด ปั้นเป็นลูกกลมๆ มีสีเหลืองสวยเหมือนทองคำ เพื่อเป็นสิริมงคลและขอให้มีฐานะร่ำรวย
-คมบุ คือสาหร่ายประเภทหนึ่งที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับความยินดี
-คามาโบโกะ (Kamaboko) คือลูกชิ้นปลาแท่งยาวที่หั่นเป็นแว่นๆ ดูคล้ายพระอาทิตย์ขึ้นในวันปีใหม่หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองเหมือนแสงอาทิตย์

นอกจากนี้ ยังมีประเพณีชนแก้วในวันปีใหม่ด้วยสาเกเพื่อสุขภาพหรือโทโสะ ซึ่งสมาชิกในครอบครัวจะดื่มในเช้าวันขึ้นปีใหม่ด้วยกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตา ในสาเกโทโสะนี้มีส่วนผสมของสมุนไพรหลากหลาย เชื่อว่าเมื่อดื่มแล้วโรคภัยที่มีมามาจากปีเก่าจะถูกชะล้างไปพร้อมกับอวยพรให้อายุยืนและมีสุขภาพดีตลอดปี ญี่ปุ่นเป็นเมืองท่องเที่ยวที่งดงาม

ซึมซาบวัฒนธรรมภูมิภาคโทโฮคุผ่าน 4 ที่เที่ยว

ซึมซาบวัฒนธรรมภูมิภาคโทโฮคุผ่าน 4 ที่เที่ยว
นอกจากของกินอร่อย และธรรมชาติสวยงามแล้ว ที่เที่ยวทางวัฒนธรรมของโทโฮคุก็สมควรจดไว้ในลิสต์สิ่งต้องทำในโทโฮคุด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าได้มาสัมผัสโทโฮคุอย่างครบถ้วนแล้ว

jumbo jili

  1. ตลาดปลาชิโอกามะ (塩釜仲卸市場) จังหวัดมิยางิ
    ตลาดปลาชิโอกามะที่จังหวัดมิยางินั้นเลื่องชื่อในเรื่องความใหญ่โตอลังการไม่แพ้ตลาดปลาสึกิจิชื่อดังของโตเกียวเลยทีเดียว ยิ่งในจังหวัดมิยางิที่ขึ้นชื่อเรื่องการประมงนั้น ของทะเลในตลาดจึงสดใหม่และวางขายมากมายละลานตา ร้านอาหารบริเวณรอบๆ จึงเต็มไปด้วยอาหารทะเลและซูชิ ซาชิมิต่างๆ สดใหม่ให้เลือกชิมมากมาย นอกจากนี้ในตอนเช้าประมาณ 7-8 โมงก็มีการประมูลปลาให้เห็นกันอย่างดุเดือดเช่นกัน

สล็อต

  1. พิพิธภัณฑ์ศิลปะมิยางิ จังหวัดมิยางิ
    พิพิธภัณฑ์ศิลปะมิยางิหรือ The Miyagi Museum of Art ก่อตั้งในปี 1981 อยู่ใจกลางเมืองเซ็นไดในจังหวัดมิยางิ ใช้เวลาเดินแค่ 15 นาทีจากปราสาทมิยางิเท่านั้น งานที่จัดแสดงภายในจะเน้นเป็นงานศิลปะที่สร้างขึ้นตั้งแต่ในสมัยเมจิไปจนถึงงานแบบศิลปะร่วมสมัย รวบรวมผลงานศิลปะของศิลปินตัวเด็ดๆ ของญี่ปุ่นเอาไว้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นผลงานของ Sato Churyo, Takahashi Yuichi รวมทั้งผลงานของศิลปินต่างชาติในยุคโมเดิร์นที่มีชื่อเสียงหลายคนอย่าง Paul Klee หรือ Barry Flanagan เช่นกัน

สล็อตออนไลน์

  1. วัดบนภูเขาหรือวัดริสสะคุจิ (立石寺) จังหวัดยามางาตะ
    วัดบนภูเขาเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นกลุ่มของวัดที่ตั้งรวมกันอยู่บนภูเขา ที่เราจะมองเห็นได้ก็ต่อเมื่อได้ปีนเขาขึ้นไประดับหนึ่งแล้วเท่านั้น (ประมาณพันกว่าขั้นเอ๊ง) และวิวนั้นก็เป็นวิวสวยงามที่ราวกับหลุดออกมาจากภาพเขียนสีหมึกของญี่ปุ่นเลยทีเดียว เพราะตลอดทางจะรายล้อมด้วยพืชพรรณนานาชนิดที่มีอายุเป็นร้อยๆ ปีทั้งนั้น ส่วนตัววัดที่เรียกว่าวัดริสสะคุ

jumboslot

จินั้นก็ก่อตั้งขึ้นเมื่อราวๆ ค.ศ. 860 และเพราะความงดงามนี้ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่กวีดัง บะโชเขียนกลอนไฮขุไว้จำนวนมากเช่นกัน ภายในมีพระพุทธรูปโบราณและมีแสงที่ไม่เคยดับ (ตรงนี้ไม่ขอสปอยล์ อยากรู้ว่าเป็นแสงอะไรขอให้ไปดูกันเอง) และที่สำคัญ วิวจากบนนั้นมันช่างสวยงามอลังการจริงๆ

  1. วัดซุยกังจิ (瑞巌寺) จังหวัดมิยางิ
    วัดเก่าแห่งโบราณแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อศตวรรษที่ 9 และขุนศึกผู้เก่งกาจของญี่ปุ่น ดาเตะ มาซามุเนะ ก็ได้บูรณะขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 17 และภายหลังได้กลายเป็นศูนย์

slot

รวมของเหล่าศิลปินที่เป็นเจ้าของงานศิลปะสไตล์คาโน (狩野派) ฉะนั้นนอกจากตัวอาคารวัดเองจะสง่างามแล้ว ภายในยังคับคั่งไปด้วยงานศิลปะโบราณมากมายของญี่ปุ่น ภายในวัดแบ่งออกเป็นพื้นที่ต่างๆ มากมาย มีบริเวณที่จงใจทำพื้นให้ส่งเสียงดังเวลาเหยียบลงไป เพื่อเป็นการเตือยภัยในยามมีผู้บุกรุก บอกถึงความระมัดระวังตัวของเจ้าของอาคารได้เป็นอย่างดี ภายนอกก็จะมีทิวต้นสนซีดาร์ทอดยาวเป็นทาง นำทางเราเข้าสู้บริเวณวัดได้อย่างสวยงามอีกด้วย เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของญี่ปุ่นเช่นกัน

เที่ยวญี่ปุ่นผ่านเกมกันเถอะ

แม้จะยังไปญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การท่องเที่ยวผ่านหน้าจอเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ อย่างเช่นการชมวิดิโอ VR Tour ของสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบเกม เราขอเสนออีกตัวเลือกนั่นก็คือ การสนุกกับเกมที่มีฉากเป็นเมืองในญี่ปุ่นนั่นเอง

ต้องเล่นเกมอะไร ถึงจะได้เที่ยวเมืองญี่ปุ่น

jumbo jili

หนึ่งในเกมที่เราอยากแนะนำสำหรับคนที่คิดถึงวิวญี่ปุ่น เมืองแบบญี่ปุ่น ก็คือเกม Yakuza หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่น Ryu ga Gotoku ซึ่งเป็นเกมแนวต่อสู้ผจญภัยที่มีจุดเด่นคือเป็นเรื่องราวของ “ยากูซ่า” โดยเน้นเรื่องราว คาแรกเตอร์ และที่สำคัญก็คือฉากและสถานที่แบบสมจริง

ความโดดเด่นของเกม Yakuza ก็คือสถานที่ในเกมแต่ละภาค มักจะใช้เมืองสำคัญๆ ในประเทศญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นย่านชินจูกุ (Shinjuku) ในโตเกียว ย่านโดทงโบริ (Dotonbori) ในโอซาก้า เป็นต้น ทำให้ผู้ที่ชอบเล่นเกม สามารถสนุกกับการผจญภัยไปในฉากที่ราวกับอยู่ที่ญี่ปุ่น

สล็อต

เที่ยวย่านคาบุกิโจ (Kabukicho) ในโตเกียว กับเกม Yakuza
หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีสีสันที่สุดของโตเกียว ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชอบถ่ายรูป ชมวิว กินอาหารตามร้านดีๆ หรือช้อปปิ้ง ก็ต้องรู้จักย่านชินจูกุ (Shinjuku) ในโตเกียวอย่างแน่นอน และสำหรับคนที่เชี่ยวชาญยิ่งไปกว่านั้น ก็น่าจะเคยได้ยินชื่อย่านคาบุกิโจ (Kabukicho) ซึ่งเป็นย่านร้านอาหารและสถานเริงรมย์ที่อยู่ในชินจูกุอีกที มีเอกลักษณ์อย่างมากเนื่องจากอาคารบ้านเรือนและแลนด์มาร์กเด่นๆ ที่ใครเห็นก็จำได้แน่นอน โดยย่าน Kamurocho ที่ปรากฏในเกม Yakuza หลายภาค ก็มีต้นแบบมาจากย่านคาบุกิโจนั่นเอง

สล็อตออนไลน์

เที่ยวเมืองซัปโปโร (Sapporo) เมืองหลวงแห่งฮอกไกโด กับ Yakuza 5
สำหรับเกม Yakuza 5 เราจะสามารถโลดแล่นในเมืองใหญ่ของญี่ปุ่นได้หลายแห่ง อย่างเช่นเมืองซัปโปโร (Sapporo) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และสำคัญของเกาะฮอกไกโด ที่คนไทยไปเที่ยวมากมายในแต่ละปี สำหรับเมืองในเกมนั้นมีชื่อว่า Tsukimino ซึ่งต้นแบบของเมืองนี้ก็คือย่าน Susukino ย่านกินดื่มชื่อดังในซัปโปโรนั่นเอง

jumboslot

เที่ยวย่านดังในโอซาก้ากับ Yakuza 5
สำหรับคนที่ชอบท่องเที่ยวโอซาก้า แน่นอนว่าต้องรู้จักย่านโดทงโบริ (Dotonbori) หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว กิน ช้อป อันขึ้นชื่อของญี่ปุ่น ที่มีเอกลักษณ์เด่นมากมาย ทั้งป้ายร้านรูปปู ป้ายไฟต่างๆ และคลองส่งน้ำที่สองข้างรายล้อมโดยอาคารสูงและป้ายโฆษณาสีสันสดใส โดยย่าน Sotenbori ที่ปรากฏในเกม Yakuza 5 ก็มีที่มาจากแหล่งท่องเที่ยวอันโดดเด่นและมีสเน่ห์อย่างโดทงโบรินี้เอง

slot

เที่ยวเมืองโยโกฮาม่า (Yokohama) เมืองท่าวิวสุดสวยริมทะเล กับ Yakuza: Like a Dragon
ในเกมภาคล่าสุดนี้ ฉากส่วนใหญ่ของเกมนั้นอยู่ในเมือง Isezaki Ijincho ที่ได้ต้นแบบมาจาก Isezakicho ซึ่งเป็นย่านหนึ่งของเมืองโกโยฮาม่า (Yokohama) และแน่นอนว่า เราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์เด่นๆ ของโยโกฮาม่ามากมายในเกมนี้ อย่างเช่น ย่านเมืองหรือสวนสาธารณะริมทะเลอันเป็นเอกลักษณ์ของโยโกฮาม่า คนญี่ปุ่นเขาทำได้ครับ

รวมขั้นตอนและมารยาทในการแช่ออนเซ็น

รวมขั้นตอนและมารยาทในการแช่ออนเซ็น
ใครที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นคงทราบดีว่า “ออนเซ็น (Onsen)” เป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะนอกจากจะได้แช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายแล้ว แหล่งออนเซ็นแต่ละแห่งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามด้วยและในบทความนี้ก็จะขอแนะนำเกี่ยวกับมารยาทและขั้นตอนในการออนเซ็นเมื่อไปญี่ปุ่นมาฝากดังต่อไปนี้

ทำความรู้จักกับออนเซ็น (Onsen)
ออนเซ็น (Onsen) คือบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นจากภูเขาไฟที่ยังไม่ดับทั่วประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นมีความคุ้นเคยกับการอาบน้ำพุร้อนมาตั้งแต่สมัยโบราณซึ่งเปรียบเหมือนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอย่างหนึ่ง

jumbo jili

วัฒนธรรมการอาบน้ำแร่แช่ออนเซ็นในญี่ปุ่นมีมาตั้งแต่สมัยโบราณและเป็นวิถีชีวิตอย่างหนึ่งของชาวญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้ การแช่ออนเซ็นสามารถสร้างความผ่อนคลายและให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว อีกทั้ง ยังมีส่วนช่วยทำให้สุขภาพให้ดีขึ้นจากแร่ธาตุต่างๆ ในน้ำพุร้อน ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปจากส่วนประกอบของแร่ธาตุที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับที่ตั้งของน้ำพุร้อน
อาทิ ออนเซ็นกำมะถัน (Sulphur) บ่อน้ำร้อนที่มีกำมะถันจะมีกลิ่นฉุนนิดหน่อย มีคุณสมบัติเรื่องบรรเทาอาการความดันโลหิตสูง โรคผิวหนังเรื้อรัง และอาการปวดข้อต่างๆ, ออนเซ็นคลอไรด์ (Chloride) มีคุณสมบัติในเรื่องทำให้ร่างกายอบอุ่น เหมาะกับผู้ที่มือเท้าเย็นบ่อยๆ เป็นต้น

ปัจจุบัน เมืองออนเซ็นในญี่ปุ่นได้รับการพัฒนาและส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจได้ทุกฤดูกาลและมีหลากหลายทั้งน้ำพุร้อนทั่วไป บ่ออบทรายร้อน บ่อแช่เท้าและบ่อโคลน กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น เช่น คุซัทสึออนเซ็น (Kusatsu Onsen) จังหวัดกุมมะ, กินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen), จังหวัดยามากาตะ, เบปปุ ออนเซ็น (Beppu Onsen) จังหวัดโออิตะ

มารยาทในการแช่ออนเซ็น
สถานที่สำหรับแช่ออนเซ็นในญี่ปุ่นมีทั้งแบบส่วนตัวและบริการแบบรวม ดังนั้นในการใช้ออนเซ็นบ่อรวมจึงควรทราบถึงมารยาทพื้นฐานโดยคำนึงถึงการใช้สถานที่ร่วมกับผู้อื่น ได้แก่
• การลงบ่อออนเซ็นจะไม่มการสวมเสื้อผ้าหรือเครื่องนุ่งห่มใดๆ ลงบ่อ ไม่ว่าจะเป็นออนเซ็นแบบส่วนตัวหรือออนเซ็นรวม โดยทั่วไปจะมีตู้ล็อกเกอร์บริการในห้องอาบน้ำสำหรับเก็บของทุกอย่างไว้ก่อนลงบ่อ

สล็อต

• ก่อนลงบ่อออนเซ็น จะมีจุดให้บริการห้องอาบน้ำควรชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนลงบ่อด้วย
• ใครที่ไว้ผมยาวตามมารยาทต้องรวบผมไว้ไม่ให้ผมแช่ลงไปในบ่อ ทางที่ดีควรสระผมก่อนลงบ่อก็จะดีมาก
• หากมีผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ไปด้วยให้วางบนศีรษะและระมัดระวังไม่นำลงไปในน้ำ
• ผู้ที่มีรอยสักจะไม่ได้รับอนุญาตให้ลงบ่อออนเซ็น (ยกเว้นบางแห่งที่อนุญาต)
ระหว่างแช่น้ำ ไม่ควรปรับลดระดับความร้อนของน้ำโดยพละการ
• ไม่พูดคุยส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น ไม่กระโดดลงบ่อ และไม่ว่ายน้ำหรือสาดน้ำ
• ห้ามถูตัวเป็นอันขาด เพราะเป็นการใช้บ่อร่วมกับผู้อื่นซึ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ อีกทั้งยังอาจทำให้สิ่งสกปรกร่วงลงไปในบ่อด้วย
• ห้ามถ่ายรูปในบริเวณบ่อออนเซ็น โดยเฉพาะในบ่อรวมตอนกำลังลงแช่ในบ่อ แม้ว่าหลายๆ แห่งจะมีบรรยากาศหรือทิวทัศน์ที่สวยงาม อย่างไรก็ตามเรียวกังหรือสถานที่บางแห่งจะมีการอนุญาตให้ถ่ายภาพได้เฉพาะบางจุด

สล็อตออนไลน์

• หลังจากแช่เสร็จแล้วต้องเช็ดตัวให้แห้งก่อนกลับไปตู้ล็อกเกอร์

ขั้นตอนการแช่ออนเซ็น

  1. ก่อนลงไปแช่ประมาณ 15- 30 นาที ให้ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเกลือแร่หรือวิตามินซี เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมรับอุณหภูมิความร้อนและการสูญเสียเหงื่อ
  2. ชำระร่างกายด้วยการอาบน้ำ แล้วล้างตัวให้สะอาดก่อนลงแช่ออนเซ็น ซึ่งส่วนใหญ่มีอุณหภูมิประมาณ 39-42 องศาเซลเซียส หากลงไปแช่ทันทีในขณะที่อุณหภูมิสูงขนาดนี้อาจจะรู้สึกว่าร้อนเกินไปเนื่องจากอุณหภูมิร่างกายเย็นกว่า ดังนั้นควรปรับอุณหภูมิด้วยการราดน้ำอุ่นก่อนลงแช่ เริ่มจากมือ เท้า แขน ขา ตัว และศีรษะตามลำดับ
  3. ลงแช่ครึ่งตัวอย่างช้าๆ ก่อนในครั้งแรกเพื่อให้ร่างกายชินกับอุณหภูมิ จากนั้นเมื่อร่างกายเริ่มชินก็ค่อยๆ เลื่อนมาถึงระดับไหล่ เมื่อแช่เสร็จแล้วควรเช็ดตัวให้แห้งก่อนเข้าห้องแต่งตัว เพื่อไม่ให้ห้องแต่งตัวเปียกและควรจะดื่มน้ำสัก 1 แก้ว เพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนล้าจากการสูญเสียเหงื่อ
  4. ถ้าเป็นเรียวกังหรือเมืองออนเซ็นที่บ่อน้ำพุร้อนตั้งอยู่แบบเปิดโล่งกลางธรรมชาติ และมีคุณสมบัติของแร่ธาตุที่ทำให้มีกลิ่น เช่น กำมะถัน เมื่อแช่น้ำเสร็จแล้วต้องล้างตัวด้วยน้ำประปาสะอาดอีกครั้งแล้วเช็ดตัวให้แห้งก่อนกลับไปที่ห้องล็อกเกอร์

jumboslot

ข้อควรระวังในการแช่ออนเซ็น
• การแช่แต่ละครั้งไม่ควรแช่นานเกินไป เพราะออนเซ็นของญี่ปุ่นมีอุณหภูมิที่สูงและมีส่วนผสมแร่ธาตุมากมาย ดังนั้นจึงควรแช่ในระยะเวลาที่พอดี โดยทั่วไปคือไม่เกินครั้งละ 20 นาที
• ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งก่อนหนึ่งหลังแช่ออนเซ็น เพราะค่อนข้างอันตรายต่อการปรับอุณหภูมิของร่สงกาย หากต้องการดื่มจริงๆ ให้เว้นระยะหลังจากแช่ออนเซ็นไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง
• ไม่ควรอาบน้ำทันทีเพราะร่างกายอาจปรับอุณหภูมิไม่ทัน และเกิดอาการหน้ามืด เป็นลมได้ ควรพักสักครู่ให้แร่ธาตุต่างๆ เข้าสู่ผิวก่อน แล้วจึงอาบ
น้ำ
• ไม่ควรแช่บ่อออนเซ็นมากกว่าวันละ 3 ครั้ง เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนและอาจทำให้เป็นลมได้

วิธีสวมชุดยูกาตะ (Yukata)
ปกติแล้วสถานที่พักในแหล่งออนเซ็นไม่ว่าจะเป็นโรงแรมหรือเรียวกัง จะมีชุดยูกาตะ (Yukata) เตรียมไว้ให้กับแขกผู้เข้าพักด้วย ซึ่งชุดยูกาตะดังกล่าวนี้จะเป็นเหมือนชุดนอนมากกว่าชุดที่ใส่เดินตามงานเทศกาล แต่ถึงอย่างนั้นในเมืองออนเซ็นต่างๆ ก็มักจะเห็นผู้คนสวมชุดยูกาตะออกมาเดินเล่นกันตามปกติ และครั้งนี้ก็จะแนะนำวิธีสวมชุดยูกาตะ โดยมีขั้นตอนคร่าวๆ ดังนี้

slot

  1. สวมชุดยูกาตะให้ชายของชุดอยู่บริเวณตาตุ่ม หากกลางชุดมีเส้นรอยเย็บ รอยนั้นควรอยู่กลางหลังพอดี
  2. พาดชุดด้านขวาเข้าหาตัว ละตามด้วยข้างซ้าย หรือพูดง่ายๆ คือซ้ายทับขวาและห้ามสวมแบบขวาทับซ้ายเป็นอันขาด เพราะในญี่ปุ่นคือการสวมชุดให้กับผู้เสียชีวิต
  3. นำสายโอบิที่ให้มากับชุดมาผูกทับ ส่วนใหญ่ผู้ชายจะผู้ไว้บริเวณใต้เอว ส่วนผู้หญิงก็ผูกไว้ตรงเอวพอดี การผูกโอบิไม่มีรูปแบบกตายตัวเป็นพิเศษ ควรผูกให้รู้สึกสบาย ไม่แน่นหรือหลวมเกินไป
  4. นอกจากนี้ยังมีเสื้อตัวนอกสำหรับสวมทับหรือเรียกว่า “ฮาโอริ (Haori)” หากรู้สึกหนาวก็สามารถสวมทับชุดยูกาตะได้

นอกจากนี้ควรระวังคอเสื้อทั้งหญิงและชายควรให้ทับกันพอดี ไม่มีช่องว่างเพื่อให้ดูเรียบร้อย รวมถึงทรงผมของผู้หญิงหากไว้ผมยาวถ้ารวมผมหรือเกล้าผมจะเหมาะกับชุดมากกว่าปล่อยผม คนญี่ปุ่นจะเคร่งคัดมากกับวัตธนธรรมนี้

ขั้นตอนง่ายๆ ฉีดวัคซีนที่ญี่ปุ่นเป็นแบบนี้เอง

การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศญี่ปุ่นจะมี 2 ยี่ห้อให้เลือกคือ โมเดอร์น่า (Moderna) และไฟเซอร์ (Pfizer) ซึ่งชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นที่มีวีซ่าก็มีสิทธิ์เข้ารับการฉีดวัคซีนเช่นกัน การฉีดวัคซีนในญี่ปุ่นจะเป็นแบบไหน มีขั้นตอนอย่างไรบ้างแตกต่างจากไทยอย่างไร ไปติดตามรายละเอียดกันเลย

การฉีดวัคซีนในญี่ปุ่น
เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ในปัจจุบันยังคงไม่สิ้นสุด ทางรัฐบาลของประเทศญี่ปุ่นจึงได้เริ่มอนุมัติให้มีการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มแรก หลังจากนั้นจึงเริ่มมีการทยอยฉีดวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ตามลำดับ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป กลุ่มถัดไปคือ ผู้มีโรคประจำตัว และเจ้าหน้าที่ของสถานดูแลผู้สูงอายุ จากนั้นก็ทยอยฉีดให้ประชาชนทั่วไป โดยกำหนดการฉีดวัคซีนอาจแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของประชากรและจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐบาลกลาง

jumbo jili

ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนให้กับชาวต่างชาติ รวมทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ ซึ่งรวมถึงคนไทยที่มีถิ่นพำนักในญี่ปุ่นหรือผู้ถือบัตรไซริวและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านญี่ปุ่นก็จะได้รับสิทธิในการฉีดวัคซีนเช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่น
อย่างที่ได้กล่าวถึงไปในตอนต้นว่า ปัจจุบันที่ประเทศญี่ปุ่นมี 2 ยี่ห้อให้เลือกคือ โมเดอร์น่า (Moderna) กับไฟเซอร์ (Pfizer) ในส่วนของการฉีดวัคซีนในญี่ปุ่นแบ่งเป็น 2 รูปแบบหลักๆ คือรับสิทธิ์ในการฉีดผ่านทางบริษัทหรือองค์กรที่สังกัด หรือถ้าเป็นนักศึกษาก็สามารถรับสิทธิ์ผ่านทางมหาวิทยาลัยได้ อีกรูปแบบหนึ่งจะเป็นการฉีดกับทางเขตที่พักอาศัยอยู่

โดยบทคจวามนี้ะเล่าถึงการฉีดวัคซีนกับทางเขต ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนและกระบวนการฉีดวัคซีน

สล็อต

ขั้นตอนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในญี่ปุ่นกับทางเขตที่พักอาศัยอยู่สำหรับประชาชนทั่วไป

  1. เริ่มจากสำนักงานเทศบาลเมืองหรือสำนักงานเขตจัดส่งคูปอง หนังสือชี้แจงการฉีดวัคซีน ใบตรวจร่างกายเบื้องต้นและเอกสารคู่มืออธิบายขั้นตอนการฉีดวัคซีนให้กับบุคคลกลุ่มต่างๆ ที่ลงทะเบียนอาศัยในพื้นที่นั้นทางไปรษณีย์ตามลำดับ โดยแต่ละเขตก็จะมีแบบฟอร์มที่แตกต่างกันไปเล็กน้อย
  2. เมื่อได้รับคูปองและเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้วให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ทางโทรศัพท์หรือช่องทางที่กำหนดหรือสามารถติดต่อผ่านเว็บไซต์ออนไลน์ เพื่อนัดหมายการฉีดวัคซีนเพื่อจองคิว ซึ่งสามารถเลือกวัน-เวลาได้ตามความสะดวกและมีให้เลือกหลายช่วงเวลา
    จากนั้นก็ปรินท์เอกสารใบตรวจร่างกายเบื้องต้นมากรอกข้อมูล (กรณีถ้าในจดหมายไม่มีใบตรวจร่างกายแนบมาให้) เช่น เคยรับวัคซีนเกี่ยวกับโควิดมาก่อนหรือไม่ ปัจจุบันมีอาการป่วยหรือกำลังรับประทานยาอยู่หรือไม่ รวมทั้งประวัติแพ้ยาและการใช้ยา

สล็อตออนไลน์

  1. เดินทางไปฉีดวัคซีนในวัน เวลา และสถานที่ตามที่ได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่ โดยเตรียมคูปองฉีดวัคซีนและหลักฐานแสดงตนที่มีที่อยู่ชัดเจน เช่น บัตรไซริว ใบขับขี่ บัตรประกันสุขภาพ รวมทั้งเอกสารข้อมูลส่วนตัวที่ปรินท์มากรอกครบถ้วนแล้ว
  2. เมื่อไปถึงสถานที่จะต้องกรอกข้อมูลในใบตรวจร่างกายข้างต้น (สามารถกรอกล่วงหน้าจากบ้านได้) เป็นการคัดกรองสำหรับการฉีดวัคซีน เพื่อให้แพทย์ประเมินความพร้อมก่อนการฉีดวัคซีน ผู้ที่ไม่สามารถรับวัคซีนได้คือ ผู้ที่มีไข้เกิน 37.5 องศา มีอาการป่วยหนักที่แพทย์วินิจฉัยว่ามีความเสี่ยงและมีประวัติการแพ้วัคซีนหรือ Anaphylaxis มาก่อน
  3. สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญหาเมื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว ให้นั่งรอดูอาการตามคำแนะนำของแพทย์ เป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที หากไม่มีอาการข้างเคียงหรือปัญหาใดๆ ก็สามารถกลับบ้านได้เลย รวมใช้เวลาในกระบวนการนี้ทั้งหมดประมาณ 30-40 นาที
  4. โดยปกติจะมีการนัดหมายเพื่อฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ภายใน 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้วัคซีนทำงานกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว จะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีน (Certificate of Vaccination for Covid-19) เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน

jumboslot

การเตรียมตัวก่อนฉีดและหลังฉีดวัคซีน
เตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีน
วัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนใช้ป้องกันการเกิดโรคที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ในระยะเวลาไม่นานมาก ปัจจุบันมีรายงานถึงผลข้างเคียงต่างๆ หลังการฉีด เช่น มีไข้ ปวดแขน และรู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้น เพื่อความสบายใจควรปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยาเพื่อหายาที่ลดผลข้างเคียงล่วงหน้า
การเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนสำหรับผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์หรือโรงพยาบาลที่ทำการรักษาตัวก่อน แต่ถ้าหากเป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ก็เตรียมตัวง่ายๆ ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2-3 วันก่อนไปฉีดวัคซีน

เตรียมตัวหลังฉีดวัคซีน
หลังฉีดวัคซีนควรงดออกกำลังกายหรือการใช้กล้ามเนื้อออกแรงอื่นๆ เช่น ยกของหนักเป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากผู้ได้รับวัคซีนส่วนใหญ่มักมีผลข้างเคียงคือไข้ขึ้นสูงมากกว่า 37.5

slot

องศา หลังจากนั้นไข้จะลดลงภายในเวลา 1-2 วัน หากมีไข้หรือมีอาการปวดแขนข้างที่ฉีดวัคซีน สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยทานรับประทานยาจำพวกพาราเซตามอลหรือใช้แผ่นเจลลดไข้
นอกจากนี้ ผู้ได้รับวัคซีนบางคนยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงในลักษณะแพ้และเป็นผื่นบริเวณที่ฉีดวัคซีนอีกด้วย เมื่ออาหารเหล่านี้ทุกเลาไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ ก็จะกลับมาปวดแขนอีกครั้งและมีผื่นขึ้นตามบริเวณจุดที่ฉีดเป็นวงกว้างประมานหนึ่งฝ่ามือ แล้วก็จะทุเลาไปเองใน 2-3 วัน หากรู้สึกกังวลก็สามารถปรึกษาแพทย์ผิวหนังได้

ดังนั้น ใครที่มีกำหนดการไปฉีดวัคซีนควรดูแลสุขภาพของตนเองให้พร้อมเสียก่อนทั้งก่อนการฉีดและหลังการได้รับวัคซีน ถือเป็นความจริงจังมากของคนญี่ปุ่น