วิธีแต่งตัวสู้หน้าหนาวที่ญี่ปุ่น

ฤดูหนาวในญี่ปุ่นเป็นฤดูท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากไทย เพราะบ้านเราไม่มีหิมะให้ดู แต่การวางแผนไปเที่ยวฤดูหนาวต้องเตรียมตัวในส่วนของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมเพื่อรับกับความหนาวและหิมะด้วย

แนะนำเรื่องการเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเมื่อต้องไปเที่ยวช่วงฤดูหนาวที่ญี่ปุ่น (หรือแม้แต่ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วง) ซึ่งมีความหนาวเย็นแตกต่างกันตามแต่ละภูมิภาค เพื่อให้เดินทางไปเที่ยวได้อย่างสนุกและปลอดภัย ไม่เป็นหวัดกลับมา

jumbo jili

อุณหภูมิ 16-20 องศาต้นๆ
เป็นช่วงที่อากาศไม่หนาวมากถ้าไม่มีลม แต่ถ้ามีลมแรงก็อาจจะหนาวได้ มักเป็นช่วงรอยต่อระหว่างฤดูใบไม้ร่วงกับฤดูหนาว หรือกลางฤดูใบไม้ผลิเป็นต้น

สามารถสวมใส่เสื้อผ้าได้ตามปกติ แล้วสวมเสื้อแขนยาว แจ็คเกตบางๆ หรือเสื้อคาร์ดิแกนทับข้างนอกอีกชั้น และเพิ่มกางเกงขายาวก็ได้ แต่สำหรับผู้หญิงถ้าต้องการใส่กระโปรงหรือกางเกงขาสั้นแต่ขี้หนาว ก็ให้สวมถุงน่องหรือเลคกิ้งไว้ด้วยเพื่อป้องกันลมและอากาศหนาว แต่อุณหภูมินี้สำหรับคนที่ชินกับอากาศญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นเอง ยังถือว่าเป็นอุณหภูมิที่ใส่ขาสั้น กระโปรงสั้นได้

สล็อต

และเนื่องจากอากาศอาจต่างกันมากระหว่างกลางวันกลางคืนในช่วงคาบเกี่ยวที่ยังไม่ใช่ฤดูร้อนจริงๆเช่นกลางใบไม้ผลิ ถึงแม้ตอนกลางวันบางวันจะอยู่ในระดับ 20 องศา แต่กลางคืนของวันเดียวกันก็สามารถลดลงไปถึง 10 องศาได้ จึงต้องระวังในจุดนี้ วางแผนไว้ด้วยว่าจะกลับโรงแรมกี่โมงจะดีที่สุด

อุณหภูมิ 10-15 องศา
ถือว่าเป็นช่วงที่อากาศเริ่มจะหนาวพอสมควรสำหรับคนไทย และจำเป็นต้องมีเครื่องแต่งกายเพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่นมากกว่าแค่ชุดเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาว ไม่ว่าจะเป็นฮีทเทคหรือลองจอน ซึ่งเป็นชุดที่ใส่ไว้ชั้นในสุด ทั้งเสื้อและกางเกงผ้าหนาๆหรือกางเกงยีนส์ สวมทับด้วยเสื้อนอกแบบกันหนาว เสื้อโค้ท หรือเสื้อขนเป็ด

และหากจำเป็นก็ควรเตรียมพร้อมด้วยการพกผ้าพันคอ ถุงมือ หมวกไปด้วย อีกทั้งควรสวมถุงเท้าหนาๆกับรองเท้าประเภทหุ้มส้นแบบมิดชิดจะดีกว่ารองเท้าแฟชั่นแบบเปลือยเท้าโดยเฉพาะผู้หญิง

สล็อตออนไลน์

อุณหภูมิ 0-9 องศา
เข้าสู่บรรยากาศของความหนาวอย่างจริงจัง และส่วนใหญ่ในแต่ละวันสภาพอากาศจะเป็นอุณหภูมิเลขตัวเดียวจนถึงติดลบในตอนกลางคืน ดังนั้น การเลือกฮีทเทคสำหรับสวมใส่ด้านในเสื้อและกางเกงควรเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับสภาพอากาศมากที่สุด แล้วเพิ่มเติมด้วยการสวมเสื้อสเว็ตเตอร์ทับตามด้วยเสื้อนอกที่มีเนื้อผ้าเป็นวูล (Wool) ถ้าด้านในบุนวมได้ยิ่งดี หรือจะเลือกเสื้อกันหนาวแบบ outdoor ที่มีบุขนสัตว์ผสมใยสังเคราะห์หรือขนเป็ด และภายนอกกันลมได้ กางเกงก็ควรเป็นกางเกงยีนส์เนื้อหนาหรือแบบอุ่นพิเศษก็มีให้เลือกเช่นกัน

นอกจากนี้ก็ลืมไม่ได้กับเครื่องกันหนาวอื่นๆ ทีี่ควรเตรียมมาให้พร้อมด้วย ทั้งผ้าพันคอแบบหนาหรือผ้าคลุมคอ (Neck warmer) ถุงมือ หมวกไหมพรม ที่ปิดหูกันลม รวมทั้งแว่นตากันลมด้วยสำหรับคนที่ตาแห้งง่ายหรือแพ้อากาศ

jumboslot

อุณหภูมิติดลบและมีหิมะตก
ถ้าไปเที่ยวช่วงที่อุณหภูมิติดลบก็ใส่ให้หนาขึ้น แต่ถ้าเป็นพื้นที่ๆมีหิมะตกแล้วต้องลุยหิมะด้วย ก็ขอแนะนำว่าต้องเตรียมตัวและเสื้อผ้าแบบจัดเต็ม เหมือนกับอากาศหนาวที่สุดไม่ว่าจะเป็นฮีทเทค ลองจอน ถุงน่องแบบกันหนาว กางเกงเนื้อหนาหรือแบบอุ่นพิเศษ เสื้อสเวตเตอร์เนื้อหนา เสื้อโค้ทและเสื้อบุขนเป็ดอย่างหนา ผ้าพันคอแบบหนาและผ้าคลุมคอ (Neck warmer) ที่ปิดหู แว่นตากันลม หมวก ถุงมือต้องเป็นแบบใยสังเคราะห์ที่กันน้ำได้
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือรองเท้าและถุงเท้า ถุงเท้าควรเป็นแบบฮีทเทคที่ช่วยป้องกันความหนาว แต่ก็ไม่ใช่แค่อุ่น ต้องเอาของที่ช่วยให้เราเดินง่ายด้วย เช่นรองเท้าก็ต้องเป็นรองเท้าที่กันลื่นได้สำหรับใส่เดินบนหิมะโดยเฉพาะ หรือจะซื้อปุ่ม spike มาติดรองเท้าให้เดินง่ายไม่ลื่นก็ได้

อุปกรณ์กันหนาวอื่นๆที่แนะนำ
นอกจากเสื้อผ้าและเครื่องกันหนาวที่แนะนำไปข้างต้นแล้ว ที่ญี่ปุ่นก็ยังมีอุปกรณ์ช่วยกันหนาวที่น่าสนใจสำหรับฤดูหนาวนั่นคือ
ถุงอุ่นร้อนไคโร (Kairo) วิธีการใช้ก็ไม่ยากแค่ฉีกซองพลาสติก เขย่าเล็กน้อยแล้วเอาใส่กระเป๋าเสื้อกันหนาว เวลาเดินเที่ยวท่ามกลางอากาศหนาวก็เอามือซุกกระเป๋าที่มีถุงอุ่นร้อนไคโร ช่วยทำให้อบอุ่นขึ้น

slot

แผ่นแปะกันหนาวไคโร (Haru Kairo) วิธีใช่จะแตกต่างจากถุงอุ่นร้อนเล็กน้อยคือ เป็นแผนที่ต้องแปะไว้ตามร่างกายโดย ตำแหน่งที่แปะ ให้แปะบนฮีทเทคหรือเสื้อแขนยาว ตรงบริเวณหลัง หน้าท้องหรือสะโพก หรือส่วนที่หนาวง่าย แต่ห้ามแปะลงบนผิวหนังโดยตรงเด็ดขาด และในระยะหลังมานี้ที่ประเทศญี่ปุ่นก็ได้พัฒนาแผ่นแปะไคโรให้มีขนาดเล็กจนสามารถแปะไว้กับพื้นรองเท้าเพื่อคลายความหนาวที่เท้าตอนเดินลุยหิมะได้ด้วย

อุปกรณ์เหล่านี้อาจหาซื้อได้ยากในเมืองไทย แต่สามารถหาซื้อได้ที่ญี่ปุ่นง่ายๆในช่วงฤดูหนาว มีขายตามร้านขายยาหรือร้านสะดวกซื้อทั่วไป
คนญี่ปุ่นชอบท่องเที่ยวและถือเป็นวัตธนธรรมกันสืบมา

คาเฟ่แมวดำแห่งเมือง “ฮิเมจิ” เนโกะบิยะกะ

นักท่องเที่ยวหลายๆคนมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วก็อาจจะไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปราสาท ออนเซน เมืองเก่า แต่ถ้าเป็นคนรักสัตว์แล้วล่ะก็ เจ้าพวกน้องหมา น้องแมวที่ญี่ปุ่นก็มีความน่ารักแบบที่เห็นแล้วไม่สามารถต้านทานได้ต้องขอเข้าไปอุ้ม ไปหอมกันสักหน่อยเลยทีเดียวค่ะ โดยที่ญี่ปุ่นนั้น คาเฟ่แมว นั้นเยอะมากค่ะ

jumbo jili

คาเฟ่ญี่ปุ่นที่มีแต่แมวดำ Nekobiyaka
คาเฟ่แมวเนโกะบิยากะ (Nekobiyaka) มีจุดขายคือมีแต่น้องแมวสีดำล้วนๆไม่มีสีอื่นนอกจากสีดำเลยค่ะ คาเฟ่แมวหลายๆแห่งนั้นแทบจะไม่มีแมวดำล้วนเลย อาจจะเป็นเพราะแมวดำล้วนไม่เป็นที่นิยมมากนัก เจ้าของคาเฟ่แมวดำเนโกะบิยะกะจึงตั้งใจสร้างที่นี่ขึ้นมาเพื่อเป็นแหล่งรวมตัวของผู้ที่ชื่นชอบเจ้าแมวดำค่ะ โดยแมวดำเจ้าประจำที่มาคอยต้อนรับแขกผู้มา
เยือนคาเฟ่แห่งนี้มีทั้งหมด 9 ตัวชื่อว่ามิโดริ โอเรนจิ โมโมะฮิโคะ คุโระดะคันเบ อะคะโฮะ มุราซากิ อะโอะโนะ ฉะมิ และเจ้าชิรายูคิ ค่ะ แต่จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะเพราะเจ้าของร้านมีแผ่น

สล็อต

กระดาษที่มีรายชื่อของน้องให้ด้วยค่ะ และเราสามารถแยกได้จากสีของผ้าพันคอน้องแมวค่ะ โดยแต่ละตัวจะมีผ้าพันคอสีไม่เหมือนกันค่ะ

ในร้านก็มีหลายมุมให้เราได้นั่งชิล โดยรับรองว่าเจ้าแมวทั้งหลายจะมาป้วนเปี้ยนหน้าหลังอย่างแน่นอนค่ะ แต่จะให้กอดให้อุ้มหรือเปล่านี่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลของเราเองค่ะ ฮา มุมที่ชื่นชอบมากคือมุมริมหน้าต่างนี้ที่มองออกไปก็เห็นถนน รถราผ่านไปมา และน้องแมวก็ชอบมานั่งดูรถที่มุมนี้เช่นกันค่า

สล็อตออนไลน์

3ในรูปนี้มีแมวดำทั้งหมด 6 ตัวค่ะ หาเจอกันหมดไหมเอ่ย นี่ขนาดยังมีอีกหลายตัวไม่ยอมมาเข้าเฟรมกันนะคะ คาเฟ่แห่งนี้เหมาะกับคนรักแมวดำจริงๆค่ะ

กฎและข้อควรระวัง
เมื่อเราเข้ามาในคาเฟ่แมวแล้วเราก็ต้องล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อก่อนเลยค่ะ โดยทางคาเฟ่จะเตรียมไว้ให้เรา จากนั้นก็เลือกทำเลเหมาะๆในการผูกมิตรกับเจ้าเหมียวกันค่ะ คาเฟ่

jumboslot

แห่งนี้มีกฎที่ต้องปฎิบัติตามอยู่ไม่กี่ข้อค่ะ นั่นก็คือ
ข้อแรก ถ่ายรูปได้แต่ห้ามใช้แฟลชเด็ดขาด เพราะอาจจะรบกวนและทำลายสายตาน้องแมวได้ค่ะ
ข้อที่สอง ห้ามอัดวิดิโอน้องแมวค่ะ
ข้อที่สามคือ ห้ามอุ้มแมวตอนที่น้องแมวกำลังหลับสบาย แต่สามารถลูบๆได้ค่ะ แต่ถ้าน้องแมวตื่นเต็มตาแล้วยอมให้เราอุ้ม ไม่มีปัญหาค่ะ

slot

ที่ตั้งของ Cat Cafe Nekobiyaka
คาเฟ่เนโกะบิกะยะนั้นอยู่ชั้น 2 ตรงข้ามกันโรงแรม Daiwa Roynet โรงแรมที่เหมาะจะเป็นที่พักในเมืองฮิเมจิเลยค่ะ ทางเข้าจะเป็นบันไดเล็กๆต้องสังเกตุให้ดีค่ะ และชั้น 2 จะเป็นหน้าต่างบานกว้างค่ะ คาเฟ่แมวดำแห่งนี้ไม่มีอาหารเสิร์ฟนะคะ มีแต่เครื่องดื่มเท่านั้นค่ หลากหลายรูปแบบในญี่ปุ่น

7 จังหวัดที่มีคนไทยอาศัยอยู่มากที่สุดในญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีชาวไทยย้ายไปตั้งถิ่นฐานจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการย้ายไปศึกษาต่อ ไปประกอบอาชีพหรือย้ายตามครอบครัว (ข้อมูลสถิติอ้างอิงจาก https://todo-ran.com/t/kiji/19398) พบว่าทั้ง 47 จังหวัด มีชาวไทยอาศัยอยู่มากน้อยต่างกันไปและหากใครกำลังวางแผนเพื่อย้ายไปอยู่ในญี่ปุ่นก็มีข้อมูลของ 7 จังหวัดที่ชาวไทยอาศัยอยู่มากที่สุดมาฝากดังนี้

  1. โตเกียว (Tokyo)
    โตเกียว (Tokyo) เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต (Kanto) และเป็นศูนย์กลางในทุก ๆ ด้าน ทำให้มีองค์กรธุรกิจตั้งอยู่ที่นี่ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ส่งผลให้มีความต้องการจ้างงานในปริมาณมากและมีชาวไทยที่ไปทำงานในโตเกียวจำนวนมากเช่นกัน

jumbo jili

ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นแต่ในเรื่องของการวางผังเมืองที่อำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนก็ถือว่ารองรับทุกความต้องการได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจะเห็นได้ว่าเขตพื้นที่ต่างๆ ของโตเกียว มีบรรยากาศที่หลากหลายแตกต่างกันทั้งแหล่งรวมความทันสมัยอย่างชิบุย่า ชินจูกุ กินซ่า พื้นที่สีเขียวกับสวนสาธารณะก็มีกระจายอยู่ทั้งเมือง ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ ย่านวัฒนธรรมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างที่ เหล่านี้เป็นต้น

  1. จังหวัดชิบะ (Chiba)
    จังหวัดชิบะ (Chiba) ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต (Kanto) และอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก เปรียบเหมือนเป็นชานเมืองหรือปริมณฑลซึ่งสามารถเดินทางเข้าถึงโตเกียวและจังหวัดรอบๆ ได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาตินาริตะ (Narita INTL Airport) ที่คุ้นเคยกันดี สำหรับจังหวัดนี้ก็มีชาวไทยอาศัยอยู่จำนวนมากรองจากโตเกียว เหตุผลหนึ่งก็เพราะเป็นแหล่งที่ตั้งของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่ง ทำให้มีชาวไทยเดินทางมาทำงานรวมทั้งย้ายมาตั้งถิ่นฐานกับครอบครัวรวมทั้งศึกษาต่อด้วย

สล็อต

จุดเด่นของชิบะคือมีบรรยากาศทั้งความเป็นเมืองที่ทันสมัยสะดวกสบาย และในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่เกษตรกรรมและธรรมชาติที่รายล้อมพื้นที่ชนบทบรรยากาศเงียบสงบแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือจะเดินทางไปมาระหว่างชิบะกับโตเกียวก็มีการคมาคมที่สะดวกมากเช่นกัน

  1. จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki)
    อิบารากิ (Ibaraki) เป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคคันโต (Kanto) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคและอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟมีเมืองมิโตะ (Mito) เป็นเมืองเอกและเป็นจังหวัดที่มีชาวไทยไปตั้งถิ่นฐานอยู่จำนวนมาก บรรยากาศในภาพรวมของอิบารากิเรียกว่าเป็นเมืองใหญ่และจุดศูนย์กลางความเจริญต่าง ๆ รวมถึงการคมนาคมเชื่อต่อไปยังพื้นที่อื่น ๆ อย่างสะดวก และในขณะเดียวกันก็มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ อาทิ พื้นที่ชายฝั่งทะเล ภูเขา น้ำตก ทะเลสาบ ประชากรมีหลากหลายอาชีพทั้งด้านอุตสาหกรรม การเกษตรและการประมง ทำให้เป็นเหตุผลที่มีชาวไทยมาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อประกอบอาชีพและใช้ชีวิตกับครอบครัว

ทางด้านจุดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวที่อิบารากิก็มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอยากสวนฮิตาชิซีไซด์ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) ซึ่งมีดอกไม้หลากสีสันให้ชมทุกฤดูกาล

สล็อตออนไลน์

  1. จังหวัดคานากาวะ (Kanagawa)
    คานากาวะ (Kanagawa) ถ้าเอ่ยชื่อจังหวัดนี้อาจจะไม่คุ้นหูกันนักแต่ถ้าบอกว่าเมืองเอกของจังหวัดนี้คือ “โยโกฮามา” (Yokohama) เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักและเคยไปเที่ยวกันมาแล้วเพราะที่นี่คือเมืองท่องเที่ยวใกล้โตเกียวซึ่งมีบรรยากาศของเมืองท่าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้มีทิวทัศน์น่าอยู่ มีการคมนาคมที่สะดวกสบายและเข้าถึงโตเกียวหรือจะเดินทางไปภูมิภาคอื่นๆ ได้ไม่ยาก และด้วยความเป็นเมืองท่าเรืออุตสาหกรรมจึงมีเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การลงทุนรวมทั้งเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ มีผู้คนเดินทางมาทำงานและอาศัยอยู่จังหวัดนี้จำนวนมากรวมทั้งชาวไทยที่เดินทางไปทำงาน ไปเรียนต่อหรือไปตั้งถิ่นฐานกับครอบครัวที่จังหวัดนี้ด้วย

นอกจากจะมีโยโกฮามาเป็นเมืองเอก ก็ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ วัฒนธรรมที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น คามาคุระ (Kamakura) ฮาโกเนะ (Hakone) เป็นต้น

  1. จังหวัดไซตามะ (Saitama)
    ไซตามะ (Saitama) อีกหนึ่งจังหวัดในภูมิภาคคันโต (Kanto) ที่เป็นปริมณฑลของโตเกียวซึ่งสามารถเดินทางระหว่างเมืองได้อย่างสะดวก เป็นจังหวัดที่มีทั้งความเจริญในเมืองใหญ่ เป็นศูนย์กลางการเดินทางสู่โตเกียวและจังหวัดอื่นๆ ในภูมิภาค รวมทั้งมีเมืองที่น่าสนใจกับบรรยากาศที่หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักเป็นอย่างดี เช่น เมืองโบราณคาวาโกเอะ (Kawagoe), ชิชิบุ (Chichibu) , เมืองโอมิยะ (Omiya) ที่มีชื่อเสียงเรื่องบอนไซ เป็นต้น

jumboslot

สำหรับชาวไทยที่อาศัยอยู่ในจังหวัดไซตามะ ก็มีจำนวนมากติดอันดับต้น ๆ ซึ่งการมาตั้งถิ่นฐานในเมืองนี้ก็มีข้อดีในเรื่องการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย ค่าครองชีพไม่สูงเท่าเมืองหลวงอย่างโตเกียวและมีพื้นที่สาธารณะให้ได้ไปท่องเที่ยวผ่อนคลายในวันหยุดหลากหลายรูปแบบด้วย

  1. จังหวัดไอจิ (Aichi)
    ไอจิ (Aichi) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุ (Chubu) หรือภาคกลางของญี่ปุ่น มีเมืองเอกซึ่งถือว่าเป็นเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคนั่นคือนาโกย่า (Nagoya) เมืองอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีชาวไทยมาอาศัยอยู่ที่นี่จำนวนมากทั้งมาทำงาน มาเรียนต่อและย้ายถิ่นฐานตามครอบครัว

จุดเด่นของนาโกย่าคือการเป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในทุกๆ ด้าน มีสนามบินนานชาติประจำภูมิภาคตั้งอยู่ที่นี่และการเดินทางเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ก็มีความสะดวกสบาย และถึงแม้จะมีความเจริญทางอุตสาหกรรมสูงแต่ก็ยังมีพื้นที่อนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีพื้นที่ชนบทที่ผสมผสานกับความเป็นเมืองอย่างลงตัวรวมถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายและที่สำคัญคือการเป็นเมืองที่เติบโตทางด้านการศึกษาและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีทุกแขนงด้วย

slot

  1. จังหวัดโอซาก้า (Osaka)
    โอซาก้า (Osaka) จังหวัดที่ถือได้ว่าเป็นศูนย์ของของภูมิภาคคันไซ (Kansai) และเป็นที่เติบโตทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากโตเกียว มีชาวไทยจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในจังหวัดโอซาก้าซึ่งมีทั้งแหล่งงานด้านอุตสาหกรรมหลายประเภท สถานศึกษาทุกระดับ ตลอดจนชาวไทยที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่กับครอบครัว

บรรยากาศของโอซาก้าให้ความรู้สึกคล้ายเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคที่เป็นศูนย์กลางความเจริญทุกด้าน ตั้งแต่การคมนาคมขนส่งซึ่งสามารถเดินทางข้ามภูมิภาคด้วยรถไฟความเร็วสูงได้อย่างสะดวกสบาย มีจุดเด่นในเรื่องแหล่งวัตถุดิบด้านอาหารจนทำให้ได้รับสมญานามว่า ครัวของชาติ (Tenka no Daidokoro) ดังนั้นหากมาอาศัยอยู่ที่นี่เรื่องอาหารการต้องบอกว่าอุดมสมบูรณ์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีย่านการค้า แหล่งช้อปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่งด้วย คนญี่ปุ่นชอบท่องเที่ยวและถือเป็นวัตธนธรรมกันสืบมา

ทำไมแม่บ้านชาวญี่ปุ่นถึงเย็นชา

วันนี้แม่บ้านจะมาเม้าท์มอยครอบครัวชาวญี่ปุ่นกันค่ะ ต้องเกริ่นไว้ก่อนนะคะว่าสภาพโครงสร้างครอบครัวที่จะเล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครอบครัว เป็นแค่ส่วนหนึ่งในญี่ปุ่น และเกิดขึ้นในยุคพ่อแม่ของเรา (สามีอายุ 50 ขึ้นไป) ครอบครัวญี่ปุ่นสมัยใหม่เปลี่ยนไปมากแล้วค่ะ ถ้าพร้อมเผือกแล้วจะเล่าให้ฟังค่ะ

ตอนอยู่ไทยก็มักจะได้ยินผู้ชายญี่ปุ่นวัยกลางคนใหญ่มีตำแหน่งสูง เช่น ผู้จัดการโรงงานที่มาทำงานในประเทศไทย บ่นให้ฟังบ่อย ๆ ว่าเค้าอ่ะนะ เป็นได้แค่ ATM หรือตู้กดเงินของภรรยาเท่านั้นแหละ แต่ก่อนก็ฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น ได้เห็นสภาพสังคม พูดคุยกับบรรดาแม่บ้านที่ลูก ๆ โตกันไปหมดแล้วก็สรุปได้ดังนี้

jumbo jili

1 ) ผู้ชายญี่ปุ่นถูกสั่งสอนให้ทำงานนอกบ้าน
ส่วนผู้หญิงเมื่อแต่งงานก็ต้องออกจากงาน หรือถูกบังคับให้ออกจากงาน มาทำงานบ้านและเลี้ยงลูก ถูกบังคับหมายถึงการถูกกดดันจากบริษัทให้ลาออก เพราะสมัยก่อนการลาไปคลอดลูกและกลับมาทำงานเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้ผู้หญิงที่อยากทำงานรู้สึกเครียดและกดดัน หลาย ๆ ครั้งอุปสรรคไม่ได้มาจากภายนอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คนในบ้านอย่างสามีก็อยากให้ภรรยาอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้แม่บ้านหลายคนเสียใจ สามีก็ไม่เข้าใจ บริษัทก็ไม่ให้โอกาส เกิดความรู้สึกด้อยค่าเมื่อไม่ได้ทำงานหรือทำตามความฝันของตน แต่ปัจจุบันรัฐบาลพยายามจัดการให้ผู้หญิงที่ลาคลอดสามารถกลับมาทำงานได้

สล็อต

2 ) ไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ต่อเนื่องจากข้อ 1 ผู้ชายญี่ปุ่นแยกหน้าที่กับภรรยาชัดเจน ดังนั้นจะถือว่างานบ้านและการเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของภรรยา พ่อบ้านชาวญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยช่วยเหลือดูแลลูกอย่างพ่อบ้านประเทศอื่นๆ บวกกับการทำงานในประเทศญี่ปุ่นที่เคร่งเครียด ทำเกินเวลา (โดยบางทีไม่ได้ค่า O.T.) ทำให้พ่อบ้านเหนื่อยล้า เมื่อกลับบ้านไม่มีแรงเล่นหรือดูแลลูก ทำให้ภรรยาต้องดูแลลูกแทบจะ 24 ชั่วโมง ไม่มีเวลาส่วนตัว จึงทำให้เกิดความเครียดทั้งต่อตนเองและความสัมพันธ์สามี – ภรรยา

สล็อตออนไลน์

3 ) จากเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
จากข้อ 2 สามีไม่พยายามเข้าใจและไม่ค่อยช่วยเหลือภรรยา แม่บ้านหลายคนหลังคลอดลูกได้กลับบ้านแทนที่จะมีความสุข กลับถูกต่อว่าเรื่องอาหารที่รสชาติแย่ลง หรืองานบ้านที่ทำไม่เนี้ยบ ไม่สะอาดเท่าเดิม ทำให้ภรรยารู้สึกน้อยใจหรือเสียใจ เกิดการสะสมความเครียด บางคนถูกเคยถูกสามีต่อว่า ว่าทำไมลูกร้องไม่หยุด? ทำพูดที่เสียดแทงจิตใจเล็กๆ น้อยๆ ทำให้กลายเป็นความเย็นชา ได้แต่ประคับประคองครอบครัวจนลูกโต หมดหน้าที่ ก็ไม่สนใจสามีในที่สุด

jumboslot

4 ) ไม่รู้ตัวว่าทำร้ายจิตใจกันแค่ไหน
พ่อบ้านมักไม่ค่อยจะรู้ตัวว่าใช้อำนาจในการปกครองครอบครัว การเลี้ยงลูกชายแบบประคบประหงมแบบคนญี่ปุ่นรุ่นก่อนรวมถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนญี่ปุ่นที่ชายเป็นใหญ่ได้บั่นทอนสถาบันครอบครัวจนเหลือเพียงชื่อเรียกแต่สายใยหลายครอบครัวตัดขาดพังทลายหมดแล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นครอบครัวญี่ปุ่นเมื่อมีลูกภรรยามักจะแยกห้องนอนอยู่กับลูก และไม่กลับมานอนกับสามีอีกเลย

slot

5 ) ต่างคนต่างอยู่
เกี่ยวเนื่องจากข้อ 1 – 4 หลังจากเกิดความร้าวฉานในครอบครัว สามีเจ้ากี้เจ้าการ ภรรยาเฉยเมย เมื่อลูกโตเข้ามหาวิทยาลัยย้ายไปอยู่หอ ภายในบ้านก็เหมือนผู้ร่วมชายคากันเฉย ๆ ต่างคนต่างอยู่ต่างทำธุระของตน ส่วนสามีถ้าได้มีโอกาสทำงานในต่างประเทศก็จะพบว่ามีเรื่องชู้สาวมากมาย

อย่างที่เรา ๆ เห็นกันทั้งในกรุงเทพฯ และชลบุรี สแน็คบาร์ (ร้านนั่งดื่มตอนกลางคืนที่มีเป้าหมายเป็นกลุ่มชายญี่ปุ่นกลางคน) ผุดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด สมัยเศรฐกิจรุ่งเรืองเคยเห็นเลี้ยง 7 วัน 7 คนก็มี เวลาภรรยามาเยี่ยมสามีที่ไทยก็ได้นิฮงชู สาเกญี่ปุ่นอยู่บ่อย ๆ เป็นค่าปิดปาก (ฮาาา) บางคนภรรยาไม่เคยมาเยี่ยม แถมช่วงเทศกาลไม่เคยสนใจจะให้สามีกลับบ้าน แค่ส่งเงินไม่ขาดเท่านั้นพอ หลากหลายรูปแบบในญี่ปุ่น

ครั้งแรกในญี่ปุ่น! ผจญภัยไปกับรถพยาบาลผีสิง

รถพยาบาลผีสิงเดลิเวอรี่ เป็นบริการส่งความสยองขวัญถึงบ้านช่วงไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด ซึ่งส่งผลให้หลายคนไปเที่ยวสวนสนุกหรือบ้านผีสิงไม่ได้ จึงทำให้มีบริการนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น สำหรับใครที่คิดถึงบรรยากาศของบ้านผีสิงในสวนสนุกแม้จะอยู่ในบ้านก็ทำให้หายคิดถึงได้

jumbo jili

เปิดประสบการณ์สุดสะพรึง! กับรถพยาบาลผีสิงเดลิเวอรี่
ครั้งแรกของญี่ปุ่นกับบ้านผีสิงเดลิเวอรี่ โดยบริษัท Kowagarasetai ผู้ให้บริการธุรกิจออกแบบบ้านผีสิง ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา โดยครั้งนี้ได้คิดค้นบริการรูปแบบใหม่ด้วยการส่งตรงความน่ากลัวไปถึงบ้าน สำหรับยุคโควิด-19 ที่ส่วนใหญ่ต้องอยู่แต่บ้านและไม่สามารถไปเที่ยวบ้านผีสิงได้ในคอนเซป “ประสบการณ์ขนหัวลุกที่สุดในพื้นที่สุดส่วนตัว และสยองขวัญ”

สล็อต

คอนเซ็ปต์รถพยาบาลผีสิง
แนวคิดของบ้านผีสิงเดลิเวอรี่ครั้งนี้ รูปแบบคือ “รถพยาบาลผีสิง” หรือ “Screambulance” ภายในตัวรถนั้นทั้งเย็นและมืดสลัว เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น สายน้ำเกลือระโยงระยางที่ห้อยลงมาจากเพดาน เตียงผู้ป่วยกับผ้าคลุมและรอยเลือดเปรอะเปื้อนไปหมดทั่วทั้งรถ รถพยาบาลคันนี้จะไปจอดที่หน้าบ้านผู้ใช้บริการตามเวลาที่ตกลงกันไว้ จากนั้นก็เริ่มปฏิบัติการชวนขวัญผวาได้เลย!

สล็อตออนไลน์

ไฮไลท์ของรถพยาบาลผีสิง
เจ้าหน้าที่ก็จะมาในชุดยูนิฟอร์มคุณหมอกับพยาบาลในสภาพชุ่มเลือดและเชิญให้ผู้ใช้บริการเข้าไปด้านนั่งข้างในรถ ความน่ากลัวของรถพยาบาลผีสิงคันนี้ก็คือ การต้องเข้าไปอยู่ในที่แคบๆ ในเวลาที่จำกัดท่ามกลางบรรยากาศกดดันรอบทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นอากาศเย็นยะเยือกพร้อมระบบเสียงภายในรถที่ใช้การบันทึกด้วย Dummy Head Microphone หรือไมโครโฟน 3 มิติ รุ่นล่าสุด KU100

ทำให้รู้สึกสมจริงราวกับว่ามีใครมาอยู่ด้วยจริงๆ แม้ไม่ได้สัมผัส อีกทั้งยังมีเอฟเฟกต์น้ำกระเซ็น การสั่นภายในรถด้วย ใครที่เป็นแฟนบ้านผีสิงหรือเรื่องราวสยองขวัญล่ะก็ไม่ควรพลาดเลยจริงๆ

jumboslot

ข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับด้านความปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 ทางบริษัทผู้ให้บริการรถพยาบาลผีสิงก็สร้างความมั่นใจว่าปลอดภัยในทุกขั้นตอน ซึ่งในการจองคิวก็ปราศจาการสัมผัสอยู่แล้ว และเป็นการใช้งานเฉพาะกลุ่มไม่เกิน 6 คน หลังจากมีการให้บริการแต่ละครั้ง ก็ทำความสะอาดตัวรถด้วยการฆ่าเชื้อ และระบายอากาศระหว่างการนำไปใช้ทุกครั้งโดย “Elite Horror Team” ของทางบริษัท

slot

Screambulance ให้บริการ 23 เขตในโตเกียว ผู้ที่สนใจสามารถจอง รถพยาบาลผีสิงเดลิเวอรี่
ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ https://kowagarasetai.com/delivery-obakeyashiki/ (ภาษาญี่ปุ่น) คนญี่ปุ่นชอบท่องเที่ยวและถือเป็นวัตธนธรรมกันสืบมา

รู้จักวิธีหาคู่และนัดบอดในญี่ปุ่น กับ “โกคง”

สิ่งที่ทำให้รู้จักกับใครสักคนนั้น นอกจากการทำงานด้วยกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน หรือการเข้าชมรมรวมกลุ่มทำกิจกรรมกันแล้ว การไปนัดบอดแบบญี่ปุ่นหรือ “โกคง” ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้หญิงและผู้ชายได้ทำความรู้จักกันได้ง่ายขึ้นค่ะ

หาแฟนในญี่ปุ่นทำไมต้อง “โกคง”
“โกคง” (合コン) หรือภาษาไทยเราเรียกกันว่า “นัดบอด” คือกิจกรรมหาคู่แบบนึง เป็นการนัดพบปะสำหรับชายหญิง (ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน) เพื่อทำความรู้จักกัน หากถูกใจและมีความสนใจในกันและกัน ก็อาจมีการพัฒนาความสัมพันธ์ไปสู่การคบหาดูใจและแต่งงานค่

jumbo jili

การหาคู่แบบนัดบอดของญี่ปุ่น
ผู้อ่านหลายๆท่านคงอาจเคยได้ยินคำนี้มาก่อน หรือเคยเห็นผ่านตาในการ์ตูนญี่ปุ่นที่นางเอกมักจะไปนัดบอดกับกลุ่มเพื่อนๆ แล้วไปเจอกลุ่มหนุ่มหล่อในงานปาร์ตี้ที่มีกลุ่มผู้หญิงกับผู้ชายจำนวนเท่าๆกัน นั่งกินดื่ม คุยทำความรู้จักกันค่ะ นั่นแหละคือ “โกคง” สิ่งที่เห็นในการ์ตูนนี้มีอยู่จริงๆนะเอ้อ!

การนัดบอดนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากๆ และคนหลายๆช่วงอายุก็เข้าร่วมการนัดบอดด้วยค่ะ โดยเฉพาะหนุ่มสาววัยทำงาน ที่ไม่ค่อยได้พบปะหรือมีโอกาสได้เจอกับคนนอกบริษัท แต่คราวนี้เราจะมาแนะนำนัดบอดแบบเป็นอีเว้นท์ ที่มีทีมงานเป็นคนจัด ว่าที่งานนัดบอดนั้นทำอะไรบ้างค่ะ!

วิธีใช้บริการหาคู่หรือนัดบอดในญี่ปุ่น
การเข้าร่วมอีเว้นท์หาคู่แบบนัดบอด อย่างแรกคือหากิจกรรมในเว็บไซท์ค่ะ แน่นอนว่าต้องรู้ภาษาญี่ปุ่น และต้องอยู่ญี่ปุ่นค่ะ มีหลากหลายเว็บให้เลือกเลยเช่น
แอบเข้าไปลองดูได้นะคะ

สล็อต

โดยทุกเว็บนั้นเราสามารถเลือกพื้นที่ที่เราอยู่ และเลือกวันที่เราสามารถไปได้เพื่อที่จะค้นหาอีเว้นท์ที่เราสามารถเข้าร่วมงานได้ค่ะ อีเว้นท์แต่ละอีเว้นท์จะมีเนื้อหากิจกรรม เมนูอาหารและเครื่องดื่มที่แตกต่างกันออกไป

ยกตัวอย่างเช่น อีเว้นท์นัดบอดสำหรับคนที่ชอบการ์ตูน อีเว้นท์นัดบอดเฉพาะคนที่มีเงินเดือนสูง อีเว้นท์นัดบอดสำหรับคนอายุช่วง20-29ปีเท่านั้น เป็นต้น โดยสามารถดูเนื้อหาเพิ่มเติมได้จากการคลิกเข้าไปดู

นอกจากนี้การไปนัดบอดแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนไป คนเดียวก็สามารถไปได้แบบไม่ต้องเขินเลยค่ะ ในอีเว้นท์ส่วนใหญ่จะต้องจ่ายค่าเข้าร่วม โดยราคาจะขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จัดเเละเนื้อหาของอีเว้นท์นั้นๆ ผู้หญิงจะราคาถูกหน่อย ประมาณ 500-3000 เยน ส่วนผู้ชายจะแพงกว่า ราคา 5000-9000 เยนค่ะ เมื่อเราเลือกอีเว้นท์ที่ถูกใจเราได้แล้ว เราก็ทำการซื้อบัตรออนไลน์ สามารถเลือกจ่ายได้ทางบัตรเครดิตหรือจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วแต่เว็บที่ใช้ แล้วพอถึงวันงานก็แค่ยื่นอีเมล์ยืนยันให้ทีมงานดู ก็เรียบร้อย สามารถเข้าร่วมงานได้สบายๆเลย

สล็อตออนไลน์

ตัวอย่างงานอีเว้นท์หาคู่ แบบคุยกัน 1-1
ตัวอย่างที่ๆไปมา เมื่อไปถึงที่จัดงานแล้วพนักงานก็จะให้หมายเลขของเรา พร้อมกระดาษมาหนึ่งใบค่ะ ทุกคนจะได้เหมือนกันหมด ในกระดาษนั้นจะมีให้กรอกชื่อ อายุ ความสนใจ งานอดิเรก ที่อยู่คร่าวๆว่าอยู่แถวไหน วันหยุดวันไหนบ้าง ทำงานอะไร สเปคเป็นแบบไหนเป็นต้น (แล้วแต่อีเว้นท์นะคะ บางทีก็ละเอียดถึงเงินเดือนเดือนละเท่าไหร่ก็มีค่ะ)

โดยจะจัดที่นั่งโดยให้ชายหญิงนั่งตรงข้ามกัน คุยกันแบบ1-1 (แต่บางทีก็มีคุยกันแบบหลายๆคน หรือคุยกับคนข้างๆบ้างค่ะแล้วแต่บทสนทนาในตอนนั้น ส่วนอีเว้นท์ที่มีคนเข้าร่วมมากถึง100คนอาจจะได้นั่งเป็นโต้ะรวม และอาจไม่ได้คุยครบทุกคนนะคะ) ในขณะที่คุยก็จะนำกระดาษข้อมูลของเราที่เขียนนั้นให้อีกฝ่ายดูไปด้วย การคุยทุกรอบจะมีการจับเวลา พอเมื่อจบเวลาก็จะมีการสลับคู่ไปเรื่อยๆค่ะ เพื่อให้เราได้คุยกับทุกคนในงาน (ผู้ชายจะวนไปเรื่อยๆ ส่วนผู้หญิงนั่งอยู่กับที่ค่ะ) หากถูกใจกันและอยากคุยต่อก็จะมีการขอแลกไลน์กันค่ะ ส่วนอาหารและเครื่องดื่มนั้นจัดเต็มมากๆ เครื่องดื่มสามารถดื่มได้ไม่อั้น (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มี อิอิ)

jumboslot

พอได้คุยกับทุกคนแล้วและหมดเวลางานเลี้ยง ก็จบงานนัดบอดค่ะ สำหรับงานนัดบอดที่เราได้ไปเข้าร่วมมานั้น มีกิจกรรมจับคู่ในตอนสุดท้ายด้วย โดยจะให้ทุกคนทั้งชายและหญิงเขียนหมายเลขของฝ่ายตรงข้ามที่ชอบ ถ้าหากว่าต่างฝ่ายต่างเลือกกันก็จะได้รางวัลพิเศษด้วย (ไม่ได้มีทุกงานนะคะ แล้วแต่ทีมงานว่ามีกิจกรรมนี้หรือไม่) โดยคนที่ถูกใจกันหรืออยากคุยกันเพิ่มเติมก็มักจะไปหาร้านอื่นทานข้าวหรือดื่มกันต่อรอบสองเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้นค่ะ

สรุปเรื่องการนัดบอดในญี่ป่น
การนัดบอดแบบ “โกคง” ที่ใช้บริการเว็บตัวอย่างเหล่านี้ ค่อนข้างปลอดภัยค่ะ เนื่องจากมีทีมงานคอยดูแล คนที่ไปคนเดียวก็ไม่ต้องเขินด้วย แถมสถานที่ๆจัดก็จะไม่ใช่ที่อโคจรหรือสถานที่อันตราย แต่ข้อเสีย

slot

คือทุกอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ ถ้าหากไม่ค่อยได้ภาษาญี่ปุ่นก็จะลำบากในการทำความรู้จักฝ่ายตรงข้าม เพราะว่าจะต้องเจอกับคนหลากหลายรูปแบบหลากหลายอาชีพ ศัพท์ยากๆหรือความเร็วในการพูดแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วย ใช่ว่าทุกคนจะพูดช้าๆให้เราฟังนะ

ส่วนข้อดี นอกจากจะได้ดื่มไม่อั้น (5555) ก็ยังได้รู้จักคนใหม่ๆและเรียนรู้เรื่องต่างๆเกี่ยวกับชีวิตคนญี่ปุ่นเยอะแยะเลยค่ะ ถึงแม้ว่ากับบางคนจะไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปเป็นคนรัก แต่ก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้เนอะ ใคร ที่อยากมีแฟนหรือมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นก็ลองมางานนัดบอดกันสักครั้งนะคะ ^^ หลากหลายรูปแบบในญี่ปุ่น

สนุกไปกับการเที่ยวโอกินาว่า 5 สไตล์ในฤดูร้อน

โอกินาว่าถึอเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของทุกคนในช่วงฤดูร้อน ที่ใครๆ ก็อยากเดินทางมาสัมผัสกับความสวยงามของท้องทะเลสีคราม โดยวันนี้เราจะแนะนำการท่องเที่ยวโอกินาว่าใน 5 รูปแบบที่มีทั้งการสนุกกับกิจกรรมทางน้ำ การเช่ารถขับ การชิมอาหารท้องถิ่นสแสนอร่อย การศึกษาวัฒนธรรมริวกิว และปิดท้ายด้วยการเรียนรู้เรื่องราวในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

  1. เพลิดเพลินกับกิจกรรมทางน้ำหลากหลายรูปแบบ
    เป้าหมายอนดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางไปโอกินาว่าคงเป็นการเดินทางไปสัมผัสกับความสวยงามของท้องทะเลและชายหาดของโอกินาว่า และสนุกกับกิจกรรมทางน้ำหลากหลายรูปแบบ

jumbo jili

ตั้งแต่เล่นน้ำบริเวณชายหาด ซึ่งโอกินาว่านั้นมีหาดสวยๆ อยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นหาดมันซะ (Manza Beach) หนึ่งในหาดยอดฮิตของโอกินาว่า หาดเอเมรัลด์ (Emerald Beach) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุระอุมิ (Okinawa Churaumi Aquarium) และหาดมูนบีช (Moon Beach) ที่มีเอกลักษณ์ตรงรูปทรงของหาดที่โค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งชายหาดทุกแห่งมีจุดเด่นตรงที่มีหาดทรายสวย น้ำทะเลใส และยังมีกิจกรรมสนุกแบบอื่นๆ ให้เลือกทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำแบบสน็อกเกิ้ล เล่นพาราเซลลิ่ง หรือเจ๊ทสกี

โอกินาว่ายังเป็นสวรรค์ของคนรักการดำน้ำ โดยมีจุดดำน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก และในแต่ละฤดูกาลก็จะได้สัมผัสกับความสวยงามของโลกใต้น้ำที่แตกต่างกันไป เช่นจุดดำน้ำบริเวณแหลมมาเอดะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำที่ดีที่สุดบนเกาะหลักของโอกินาว่า มีทั้งถ้ำสีน้ำเงิน หน้าผาใต้น้ำ ฝูงปลาหลากหลายชนิด และแนวปะการัง และยังมีโอกาสได้พบกับเต่าทะเลอีกด้วย และยังมีจุดดำน้ำอีกแห่งที่ถือเป็นไฮไลท์ของโอกินาว่า นั่นคือจุดดำน้ำบนเกาะโยนากุนิ (Yonaguni Island) ซึ่งจะได้พบกับซากอารยธรรมลึกลับใต้ทะเลขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีคำตอบว่าซากอาคารเหล่านี้มีความเป็นมาอย่างไร แล้วใครเป็นผู้สร้าง

สล็อต

  1. เช่าบเที่ยวรอบเกาะ
    แม้ว่าเกาะโอกินาว่าจะดูเหมือนมีระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุม ทั้งรถโมโนเรลในตัวเมืองนาฮา และรถบัสที่วิ่งไปยังจุดต่างๆ รอบเกาะ แต่รอบรถบัสเองก็มีค่อนข้างน้อย และยังมีเวลาให้บริการที่จำกัด ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนนิยมเช่ารถขับเพื่อท่องเที่ยวโอกินาว่าอย่างสะดวกสบาย โดยนอกจากจะมีข้อดีตรงที่สามารถแวะเที่ยวสถานที่ต่างๆ ได้ตามที่ตัวเองต้องการแล้ว ถนนสายต่างๆ บนเกาะโอกินาว่ายังมีบรรยากาศที่น่าประทับใจจากการขับรถกินลม และชมความสวยงามของวิวท้องทะเลระหว่างทาง

ตัวอย่างของเส้นทางสวยๆ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเช่ารถขับที่โอกินาว่า เช่นทางหลวงหมายเลข 58 ซึ่งเป็นเส้นทางขับรถจากบริเวณตอนกลางของเกาะไปจนถึงตอนเหนือสุดของเกาะ และเป็นถนนหลักที่วิ่งเลียบชา สำรวจยทะเลแทบจะตลอดเส้นทาง จึงมีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศสวยๆ ตลอดเวลา หรือบริเวณสะพานโคริ (Kouri Bridge) ที่เชื่อมระหว่างเกาะโคริ (Kori Island) กับเกาะโอกินาว่า ซึ่งเป็นสะพานที่ทอดยาวกลางท้องทะเลสีเขียวมรกตตัดกับฟ้าสีครามที่มอบบรรยากาศสุดประทับใจ

สล็อตออนไลน์

  1. ชิมอาหารท้องถิ่นสไตล์โอกินาว่า
    นอกจากท้องทะเลและชายหาดแล้ว โอกินาว่ายังมีจุดเด่นเรื่องวัฒนธรรมอาหารการกินที่มีเอกลักษณ์ และไม่เหมือนกับที่ไหนๆ ในญี่ปุ่น โดยเมนูส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน เนื่องจากประวัติศาสตร์ในอดีตของโอกินาว่านั้นมีการติดต่อค้าขายกับจีนอยู่ตลอดเวลา โดยหนึ่งในเมนูขึ้นชื่อที่พบเห็นได้ทั่วไปก็คือราฟุเท (Rafutei) หรือหมูตุ๋นสไตล์โอกินาว่า ซึ่งทำจากหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ นำไปตุ๋นกับเหล้า โชยุ และน้ำตาลทรายแดง จนเนื้อนุ่ม เปื่อยถึงขนาดที่ใช้ตะเกียบฉีกเนื้อได้ และสามารถทานคู่กับข้าวสวย และยังเอาไปประกอบเมนูอื่นได้อีกหลากหลายเมนู รวมไปถึงโอเด้งสไตล์โอกินาว่าเองก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

อีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือโซกิโซบะ (Soki Soba) ซึ่งคำว่า โซกิ (Soki) เป็นภาษาท้องถิ่นที่หมายถึงซี่โครงหมู ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของเมนูนี้ และนำมารวมกับบะหมี่น้ำหรือโซบะ (Soba) สไตล์โอกินาว่า โดยจุดเด่นคือน้ำซุปที่ใส และหน้าตารวมๆ ของเมนูนี้ที่อาจจะดูเรียบง่ายและธรรมดา แต่มีรสชาติที่ซับซ้อน และร้านแต่ละร้านก็มีสูตรที่แตกต่างกันไป หากยังไม่จุใจ ก็ยังมีโกยะ ชัมปุรุ (Goya Champuru) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูที่หาทานได้แทบทุกร้านในโอกินาว่า โดยความหมายทั่วไปแล้วเมนูนี้จะหมายถึงการนำวัตถุดิบต่างๆ มาผัดรวมกัน แต่สูตรที่พบเห็นทั่วไปจะเป็นการนำมะระ ไข่ เนื้อหมู และเต้าหู้มาผัดรวมกัน

jumboslot

  1. สัมผัสวัฒนธรรมริวกิว
    โอกินาว่าถือเป็นพื้นที่ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานไม่แพ้ที่อื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่น จากการเป็นอาณาจักรริวกิวอันยิ่งใหญ่ในอดีต ซึ่งส่งผลให้มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ และหลายอย่างก็ยังคงหลงเหลือให้สัมผัสมาจนถึงในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างปราสาทชูริ (Shuri Castle) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรืองในอดีต และมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมริวกิวได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าร่วมหรือสัมผัสกับรูปแบบวัฒนธรรมริวกิวอย่างใกล้ชิดผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่นที่หมู่บ้านเครื่องแก้วริวกิว (Ryukyu Glass Village) ซึ่งนำเสนอศิลปะเป่าแก้วอันเป็นเอกลักษณ์ของโอกินาว่าที่มีต้นกำเนิดตั้งแต่ค.ศ.1600 เมื่อจีนส่งเครื่องแก้วเข้ามาพร้อมสินค้าอื่นๆ และยังมีเวิร์คช้อปให้ร่วมทำเครื่องแก้วได้ด้วยตัวเอง และยังมีโอกินาวะเวิลด์ (Okinawa World) สวนสนุกที่ตกแต่งและเน้นถึงเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมริวกิว ซึ่งมีทั้งหมู่บ้านโบราณแบบจำลอง การแสดงท้องถิ่น และเรื่องราวของวัฒนธรรมริวกิวแทบทุกมุม

slot

  1. เรียนรู้ประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
    โอกินาว่าเคยเป็นสมรภูมิรบแห่งสุดท้ายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งไม่ไกลจากประเทศใกล้เคียงอย่างไต้หวันหรือฟิลิปปินส์ ทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ จนนำมาสู่การที่กองทัพอเมริกาต้องยกพลขึ้นบกที่นี่ โดยสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญบนเกาะโอกินาว่าที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้เรื่องราวอันโหดร้ายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็คือสวนแห่งสันติภาพ (Peace Memorials Park)

ภายในสวนยังมีสถานที่ย่อยอีกมากมายที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นอนุสรณ์สถานและพิพิธภัณฑ์ฮิเมะยุริ (Himeyuri Monument / Himeyuri Peace Museum) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงกลุ่มนักเรียนหญิงที่ถูกเกณฑ์ให้มาทำงานพยาบาลให้กับเหล่าทหาร และต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า และอดีตกองบัญชาการกองทัพใต้ดิน (Former Navy Underground Headquarters) ซึ่งเป็นอุโมงค์ใต้ดินลึกกว่า 300 ซึ่งเคยใช้เป็นกองบัญชาการของทหารญี่ปุ่นในการต่อสู้กับอเมริกา โดยในวันที่ถูกทหารอเมริกาล้อมเอาไว้ ทหารญี่ปุ่นกว่า 4,000 นายที่อยู่ในอุโมงค์แห่งนี้ก็ได้พร้อมใจกับปลิดชีวิตตัวเองลง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความพยายามของชาวโอกินาว่าในการย้ำเตือนถึงความโหดร้ายของสงคราม เพื่อไม่ให้เราทุกคนสร้างสงครามเช่นนี้ขึ้นมาอีก มีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย

รู้จักศิลปะการป้องกันตัวแบบญี่ปุ่น

ในหัวข้อนี้จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะการป้องกันตัวที่น่าสนใจที่ความเป็นมาและเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นกีฬาป้องกันตัวที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกดังต่อไปนี้

คาราเต้ (Karate)
คาราเต้ หรือคาราเต้โด เป็นศิลปะการป้องกันตัวประเภทหนึ่งของญี่ปุ่นซึ่งปรากฏขึ้นครั้งแรกโดยชาวริวกิวหรือจังหวัดโอกินาวาในปัจจุบัน โดยมีที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่เนื่องจากยุคนั้นเกาะโอกินาวากับจีนมีการติดต่อค้าขายกันอยู่ตลอด วัฒนธรรมหลายๆอย่างในโอกินาวาจึงได้รับอิทธิพลมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่รวมทั้งคาราเต้ ที่เริ่มมีการเผยแพร่สู่เกาะโอกินาวาและพื้นที่อื่นๆทั่วญี่ปุ่นตั้งแต่ปี ค.ศ.1921 โดยหลักปรัชญาของคาราเต้ ประกอบด้วย 3K นั่นก็คือ Kihon เป็นท่าพื้นฐาน Kumite เป็นการต่อสู้ และ Kata เป็นการใช้ท่าทางคล้ายเพลงมวย

jumbo jili

ภาพลักษณ์ของคาราเต้อาจจะดูรุนแรง โดยเฉพาะภาพการใช้มือฟันอิฐที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ แต่จริงๆแล้วคาราเต้เป็นเรื่องของความสงบและสันติในจิตใจ คือศิลปะรูปแบบหนึ่งที่ต้องใช้ทั้งความคิด จิตใจบวกกับพลังของร่างกาย ทั้งสามอย่างนี้จะต้องฝึกฝนและพัฒนาไปด้วยกัน เอกลักษณ์ของคาราเต้คือการใช้มือและความแข็งแกร่งของกำปั้น สันมือ ข้อศอกในการต่อสู้ โดยปราศจากอาวุธ แต่ใช้การดึงพลังจากร่างกายมารวมให้เป็นหนึ่งในการต่อสู้โจมตี อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญของคาราเต้น่าจะเป็นเรื่องของการต่อสู้กับตนเอง เช่นการฝึกยับยั้งแรงของการโจมตี เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับบาดเจ็บโดยไม่จำเป็น เรียกว่าเป็นการฝึกเพื่อกำหนดความรุนแรงของการโจมตี เป็นต้น

ปัจจุบันการฝึกคาราเต้มีทั้งในรูปแบบศิลปะป้องกันตัวและกีฬา ซึ่งแต่ละส่วนล้วนแต่มีความสำคัญทั้งการฝึกเพลงมวยคาตะหรือการฝึกต่อสู้คุมิเต้ โดยมีการแบ่งระดับความสามารถด้วยสีของสายโอบิ (Obi) เช่น สีขาว เหลืองเขียว เรียกว่าคิว (Kyu) ส่วนในระดับสายดำซึ่งเป็นความสามารถที่สูงที่สุดจะเรียกว่า ดั้ง (Dan)

เคนโด้ (Kendo)
เคนโด้ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ชื่อมีความหมายตรงตัวว่า วิถีแห่งดาบ มีต้นกำเนิดมาจากการใช้ดาบของซามูไรที่สืบทอดกันมายาวนานนับพันปีตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 789 เคนโด้จะใช้ดาบไม้ไผ่ในการฝึกฝนกระบวนท่าการต่อสู้ที่เน้นความรวดเร็ว เด็ดขาดและต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากจะเป็นศิลปะป้องกันตัวแล้ว การฝึกเคนโด้ ก็คือการฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง โดยมีแนวคิดเพื่อทำให้ร่างกาย จิตใจ และคมดาบเป็นอันหนึ่งอันหนึ่งเดียวกัน

สล็อต

ในการฝึกเดนโด้จะมีชุดเครื่องแบบและอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
・Kendogi หรือชุดเครื่องแบบที่ประกอบด้วยกางเกงฮากามะ (Hakama) เป็นกางกางขายาวมีจีบกว้างด้านในเป็นนวมป้องกันการบาดเจ็บและเสื้อที่เรียกว่า เคโกคิ (Keigoki)
・เสื้อเกราะป้องกันที่เรียกว่าโบกุ (Bogu) มีทั้งหมด 4 ชิ้นสำหรับป้องกันร่างกายไม่ให้ได้รับบาดเจ็บได้แก่ เม็ง (Men) ป้องกันศีรษะ, โด (Do) ป้องกันลำตัว, โคเต (Kote) ป้องกันข้อมือและแขน, ทาเระ (Tare) ป้องกันบริเวณสะโพก
・ชิไน (Shinai) เป็นดาบที่ทำจากไม้ไผ่ 4 ชิ้นมามัดรวมเข้าด้วยกันด้วยเชือกหนัง ใช้สำหรับฝึกฝนหรือฝึกซ้อมแบบทั่วไป
・โบคุโตะ (Bokuto) เป็นดาบไม้ที่ทำมาจากไม้เนื้อแข็งใช้สำหรับฝึกในรูปแบบเป็นทางการ

ปัจจุบันการฝึกเคนโด้ก็มีกฎ-กติกาเหมือนกีฬาป้องกันตัวประเภทหนึ่งสำหรับต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว โดยในการฝึกนั้นปกติจะต้องเริ่มฝึกจากท่ารำคาตะ (Kata) ก่อน จากนั้นจึงค่อยฝึกแบบใส่ชุดเกราะซึ่งเป็นการฝึกต่อสู้ สิ่งสำคัญคือ ผู้ฝึกเล่นเคนโด้ต้องใช้สมาธิสูงมากและมีการตัดสินใจที่รวดเร็ว รอบคอบ แม่นยำ เรียกว่าเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยการชิงไหวชิงพริบบวกกับประสบการณ์ในการฝึกฝนเพื่อความเชี่ยวชาญทั้งในรูปแบบศิลปะป้องกันตัวหรือต่อสู้แบบกีฬา

สล็อตออนไลน์

ไอคิโด (Aikido)
ไอคิโด (Aikido) มีความหมายว่า “หนทางแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกับพลังชีวิต” เป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีแนวคิดในการผสมผสานระหว่างปรัชญา ศาสนา และวิทยายุทธ์ ถูกคิดค้นขึ้นโดยนายอุเอชิบะ โมริเฮ (Ueshiba Morihei) เมื่อราวๆ 100 กว่าปีก่อนในสมัยไทโช (Taisho) ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ฝึกวิชาสามารถใช้ป้องกันตัวเองได้โดยไม่ต้องใช้อาวุธ
จดเด่นของไอคิโด ก็คือการใช้ทุ่มและควบคุมอย่างรอบคอบ จะไม่รับหรือต้านการจู่โจมจากคู่ต่อสู้โดยตรงแต่จะใช้วิธีการเปลี่ยนทิศทางพลังงานจู่โจมที่พุ่งเข้ามาเพียงเล็กน้อยด้วยการหมุนหรือท่วงท่าอื่นๆที่มีประสิทธิภาพ

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นลักษณะพิเศษของไอคิโดก็คือ การปฏิเสธการท้าทายที่จะเอาชนะผู้อื่น และไม่สอนให้ทำร้ายผู้อื่นด้วยวิธีการชก เตะ ถีบ แต่จะเน้นการสอนให้ระงับหรือควบคุมความก้าวร้าว ความรุนแรงจากฝ่ายตรงข้ามด้วยความเมตตา ไม่ตอบโต้ด้วยพละกำลัง ที่สำคัญคือไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามาทำร้ายได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยยึดหลักการ 4 ข้อ ได้แก่

  1. นำตัวออกจากทิศทางของการโจมตี
  2. โอนอ่อน กลมกลืน ตามแรง และเปลี่ยนทิศทางของการโจมตี
  3. ใช้เทคนิคการควบคุมโดยไม่มีเจตนาทำร้าย
  4. ยุติความขัดแย้ง ปลดอาวุธ นำกลับเข้าสู่ความสงบดังเดิม

ด้วยปรัชญาที่ว่าทำให้ไอคิโดไม่มีการจัดการแข่งขัน และไม่ได้มีไว้ทำร้ายคู่ต่อสู้ จึงเป็นจุดที่ทำให้ไอคิโดแตกต่างจากศิลปะป้องกันตัวอื่น ๆ ซึ่งการฝึกฝนจะมีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องของการฝึกความแข็งแกร่งของร่างกายกับเทคนิคเฉพาะสำหรับไอคิโด เช่น ท่าทุ่ม เทคนิคในการรุกที่มีทั้งการกระแทกและยึด เทคนิคในการรับอย่างการทุ่มและจับยึด ส่วนความแข็งแกร่งในด้านจิตใจนั้นก็จะเป็นการฝึกควบคุม ผ่อนคลาย ยืดหยุ่นและอดทน พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามอย่างกล้าหาญและเที่ยงตรง

jumboslot

ยิวยิตสู (Jujutsu)
ยิวยิตสู (Jujutsu) หรือในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า จูจุตสึ มีความหมายว่า ศิลปะของความอ่อน ในประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปะการป้องกันตัวที่มีมานานนับร้อยปีโดยได้รับอิทธิพลมาจากการต่อสู้ของซามูไรในสมัยก่อนและพัฒนามาเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าโดยไม่ใช้อาวุธ

แนวคิดในการต่อสู้แบบยิวยิตสูก็จะใช้พละกำลังและเทคนิคในการการทุ่ม ต่อย เตะ กอดล็อกคู่ต่อสู้ หักแขน ล็อกคอ รวมทั้งท่านอนปล้ำและท่าทำลายฝั่งตรงข้ามที่เป็นเอกลักษณ์ ถือว่าเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่รุนแรงและมีอันตรายมากพอสมควรเมื่อเทียบกับศิลปะป้องกันตัวด้วยมือเปล่าชนิดอื่นๆ เทคนิคการต่อสู้แบบยิวยิตสูถูกนำไปใช้เป็นพื้นฐานการฝึกต่อสู้ด้วยมือเปล่าของหน่วยงานการทหาร เช่น กองทัพสหราชอาณาจักร กองทัพรัสเซีย ส่วนใหญ่เป็นการฝึกที่มุ่งเน้นไปในเรื่องของการทำให้คู่ต่อสู้เพลี่ยงพล้ำ โดยในการฝึกซ้อมนั้นจะอยู่ภายใต้ความเชี่ยวชาญของผู้ฝึกสอนและไม่ได้ทำให้คู่ต่อสู้ถึงขั้นเสียชีวิต

ในยุคหลังๆมายิวยิตสูก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้ลดอันตรายและความรุนแรงลงมา ทั้งยังได้ถูกพัฒนาเป็นกีฬาอื่นๆอีก อย่างเช่นยูโดซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่แตกแขนงมากจากยิวยิตสูนี่เอง
นอกจากนี้ การเผยแพร่ศิลปะป้องกันตัวยิวยิตสูไปทั่วโลกก็ทำให้มีการพัฒนารูปแบบของการต่อสู้ที่ไม่ได้มีเพียงแค่ยิวยิตสูของญี่ปุ่น ตัวอย่างเช่น บราซิลเลียนยิวยิตสู ที่เน้นการต่อสู้ในท่านอนซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากแบบดั้งเดิม

ปัจจุบัน ยิวยิตสูกลายเป็นกีฬาและศิลปะการต่อสู้ที่สามารถฝึกได้ทุกเพศทุกวัยโดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน ซึ่งการฝึกยิวยิตสูทำให้ร่างกายทุกส่วนได้ออกแรงเผาผลาญไขมัน เสริมสร้างกล้ามเนื้อรวมทั้งพัฒนาสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรง อีกทั้งได้ฝึกฝนจิตใจให้มีสมาธิ มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ภายใต้กฎกติกาและเครื่องป้องกันที่มีความปลอดภัยสูง

slot

ยูโด (Judo)
ยูโด (Judo) ศิลปะป้องกันตัวของญี่ปุ่นที่มีการพัฒนามาจากศิลปะป้องกันตัวยิวยิตสู โดยคาโน จิโกโระ (Kano Jigoro) มีชื่อเต็มว่า โคโดกังยูโด มีเอกลักษณ์เฉพาะคือการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธด้วยมือเปล่าด้วยวิธีโอนอ่อนผ่อนตาม หรือเรียกกันว่า หนทางแห่งความนุ่มนวล (soft way)

จุดเริ่มต้นความเป็นมาของยูโดในประวัติศาสตร์นั้น บุคคลที่มีส่วนสำคัญมากที่สุดก็คือ คาโน จิโกโระ ที่ได้ค้นพบว่าศิลปะการต่อสู้ยิวยิตสูแบบดั้งเดิมนั้นมีเทคนิคเป็นอันตรายหลายอย่าง เช่น การจิ้มตา การเตะหว่างขา ดึงผม ซึ่งดูโหดร้าย ป่าเถื่อนจนอาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บสาหัสจากการฝึกได้ ดังนจึงได้เริ่มมีการปรับปรุงแนวคิดในการฝึกซ้อมแบบใหม่ด้วยการยกเลิกเทคนิครุนแรงทั้งหลายออกไปและเน้นการป้องกันตัวเพื่อความปลอดภัยโดยใช้เทคนิคอย่างการล็อคสันหลัง คอ ข้อมือ แล้วเรียกศิลปะการป้องกันตัวนี้ว่า ยูโด

ปัจจุบันยูโดเป็นทั้งศิลปะป้องกันตัวและกีฬาสากลที่มีการผสมผสานเทคนิคการต่อสู้หลายชนิด เช่นการเหวี่ยง 67 ท่า, ท่าทุ่มลง 7 ท่า, ท่าล็อคข้อต่อ 9 ท่า เป็นต้น จุดมุ่งหมายในการฝึกฝนก็เพื่อบริหารร่างกายและจิตใจรวมทั้งสามารถใช่ในการต่อสู้ป้องกันตัวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้ โดยมีการกำหนดระดับมาตรฐานความสามารถด้วยสายคาดเอว แบ่งเป็น 2 ระดับใหญ่ๆคือ ระดับคิว (Kyu) เป็นระดับก่อนสายดำซึ่งหมายถึง นักเรียนและระดับดั้ง (Dan) ก็คือระดับผู้นำซึ่งมีความสามารถสูง อีกทั้งมีการแยกระดับความเก่งโดยใช้สีของสายคาดเอวที่มีรายละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศที่มีการเล่นกีฬายูโดด้วย เป็นศิลปะที่คนญี่ปุ่นนิยมกันมาก

7 สถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาดของญี่ปุ่น

ที่เที่ยวเหล่านี้อาจจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและอยู่ไกลจากคำว่าเก๋ฮิป แต่เป็นที่เที่ยวสำคัญของญี่ปุ่น ที่ถ้ายังไม่เคยได้ไป ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเที่ยวญี่ปุ่นจนทั่วแล้ว เพราะสถานที่เหล่านี้แหละที่เข้มข้นไปด้วยวัฒนธรรม ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่หล่อหลอมให้ญี่ปุ่นเป็นญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้ ถ้าที่ไหนไม่มีอยู่ในแพลน ให้รีบลิสต์ใส่เอาไว้ในทริปด้วยด่วนเลยนะ

7 ที่เที่ยวที่ต้องไปสักครั้ง

  1. Itsukushima (Hiroshima)
    ใครๆ ก็คงจะเคยเห็นภาพถ่ายสวยๆ ของญี่ปุ่นทั้งตามหน้าปกหนังสือนำเที่ยวหรือโปสเตอร์รวมทั้งโปสการ์ดต่างๆ ที่เป็นภาพเสา Torii ที่อยู่กลางน้ำ นั่นคือภาพของศาลเจ้า

jumbo jili

Itsukushima ที่อยู่บนเกาะ Miyajima ไม่ไกลจากเมืองฮิโรชิมานัก โดยที่นี่จะโดดเด่นด้วยเสา Torii ขนาดใหญ่กลางน้ำ ที่เวลาที่นํ้าขึ้นสูงสุดจะทำให้ดูราวกับว่าศาลเจ้านี้ลอยอยู่บนทะเล ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจาก UNESCO ในปี 1996 แน่นอนว่าสำหรับคนไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกแล้ว ที่นี่เป็นที่ที่ควรจะต้องไปดูเลย เพราะว่าของจริงสวยยิ่งกว่าในภาพถ่ายอีกนะ

  1. อากิฮาบาระ
    บางคนอาจจะสนใจวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น แต่แน่นอนว่าต้องมีอีกหลายคนที่สนใจวัฒนธรรมสมัยใหม่ของญี่ปุ่นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นมังงะและอนิเมะ ศูนย์รวมวัฒนธรรมย่อย

สล็อต

แนวนี้ของญี่ปุ่นมีหลายที่ แต่มือใหม่ขอแนะนำให้มาลงที่ Akihabara ก่อนเลย เพราะมีครบครัน ครบทุกแนวทุกแบบให้เลือกซื้อและเลือกสัมผัส นอกจากนี้ Akihabara ยังเต็มไปด้วยสีสันสว่างสดใส เสียงดังและเต็มไปด้วยกิจกรรมมากมาย รับรองว่ามันจะกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าคนที่ชอบอนิเมะ เกม และมังงะไปในทันที

  1. วัดโทไดจิ (นารา)
    วัด Todaiji ที่เมือง Nara นั้นเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปบรอนซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และตัวอาคารเองก็ยังเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย รายล้อมด้วยสวนขนาดใหญ่สวยงามอลังการ และฝูงกวางมากมายที่สามารถให้อาหารได้ นอกจากนี้ภายในนั้นยังรวมไว้ด้วยวัตถุโบราณทางศิลปะหาดูยากจำนวนมาก เป็นที่ๆเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ทางศาสนาของญี่ปุ่น ส่วนเหล่าฝูงกวางก็สามารถเดินเข้าออกได้ตามอำเภอใจยิ่งกว่าคนเสียอีกเพราะว่ากันว่ากวางคือผู้ส่งสารจากพระเจ้านั่นเอง

สล็อตออนไลน์

  1. Kinkaku-ji (Kyoto)
    Kinkaku-ji หรือที่เรารู้จักกันดีว่า วัดทองนั่นเอง ถ้าไปญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ไปชมความงดงามของวัดทองแห่งนี้จัดว่ายังมาไม่ถึงญี่ปุ่น ฉะนั้นใครที่ไปญี่ปุ่นครั้งแรกนั้นควรจะต้องไปเยี่ยมชมซักครั้งหนึ่ง ความงดงามเหนือคำบรรยาย โดยเฉพาะเงาสะท้อนของวัดที่สะท้อนลงบนพื้นน้ำเบื้องล่าง สวยงามหมดจดจริงๆ แต่เดิมวัดทองนี้สร้างเพื่อเป็นที่อาศัยหลังจากเกษียณหน้าที่แล้วของโชกุน Ashikaga Yoshimitsu แต่ถูกเผาลงในปี 1950 และ 5 ปีหลังจากนั้นวัดนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนเดิมทุกประการ และตั้งตระหง่านสวยงามต้อนรับนักท่องเที่ยวมาจนถึงทุกวันนี้
  2. Kiyomizu-dera (Kyoto)
    Kiyomizu-dera เป็นอีกวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลย เป้นวัดที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ย้อนไปได้จนถึงปี 798 เลยทีเดียว มีน้ำตกภายในที่ไหลลงมาทำให้เกิดสมดุลย์ที่

jumboslot

สวยงามระหว่างวัดและธรรมชาติ ตัวอาคารของวัดประกอบขึ้นมาด้วยภูมิปัญญาญี่ปุ่น นั่นคือไม่ได้มีการใช้น็อตหรือตะปูในการประกอบเลย แต่กลับมีโครงสร้างแข็งแรงทนร้อนทนหนาวมาได้ยาวนาน นอกจากนี้แผงระเบียงที่ยื่นออกไปนอกผายังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ห้ามพลาดเด็ดขาด

  1. Kamakura
    พระใหญ่แห่งวัด Kotoku-in ใน Kamakura เป็นพระพุทธรูปบรอนซ์ของ Amida Buddha องค์ใหญ่ที่แลดูทรงพลัง สูงกว่า 13 เมตรและหนักกว่า 93 ตัน มีรายงานว่าพระพุทธรูปนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1252 โดยดั้งเดิมอยู่ในวัดไม้เล็กๆ แต่ที่ปัจจุบันอยู่กลางแจ้งนั้น เป็นเพราะวัดไม้นั้นถูกคลื่นสีนามิพัดไปเมื่อเกิดอุบัติภัยในสมัยศตวรรษที่ 15 วัด Kotoku-in ใน Kamakura นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ห่างจาก Tokyo เลย สามารถไปกลับได้ในหนึ่งวัน และถ้าใครแผนไปแถวนั้นต้องไม่พลาดใส่ทริปนี้ลงไปในโปรแกรมด้วยเด็ดขาด

slot

  1. ภูเขาฟูจิ (Shizuoka & อื่นๆ)
    มาถึงญี่ปุ่นแล้วไม่ว่ายังไงก็ตามจะต้องได้เห็นภูเขาฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่สวยและงดงามที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังสูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย กับความสูง 3,776 เมตร สามารถมองเห็นได้จากหลายจุดในญี่ปุ่น โดยมากที่จะสามารถมองเห็นได้ใหญ่โตชัดเจนเลยก็จะเป็นในแถบจังหวัด Shizuoka แต่ใน Tokyo บนอาคารสูงๆ ในวันที่ฟ้าเปิด หรือแม้แต่ในรถไฟ Shinkansen ที่มุ่งหน้าไป-กลับ Tokyo และฝั่ง Osaka ก็สามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้อย่างชัดเจนเช่นกัน แต่ถ้าใครคิดว่าแค่ดูอย่างเดียวมันไม่หนำใจ ก็สามารถไปปีนได้ โดยทุกปีก็จะมีคนขึ้นไปปีนภูเขาฟูจิกว่า 200,000 คน ซึ่งจะเปิดให้ปีนเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ใช้เวลาปีนประมาณ 4-8 ชั่วโมง และใช้เวลาปีนลงอีกประมาณ 3-5 ชั่วโมง
    ใครไปญี่ปุ่นก็ต้องไปเที่ยวให้ได้

รู้รอบเรื่องโซบะ อาหารหลักของคนญี่ปุ่น

โซบะ (蕎麦) เป็นอาหารที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่สมัยโจมง (ประมาณ 2,400-16,000 ปีก่อน) โดยว่ากันว่ามีการเพาะปลูกต้นโซบะตั้งแต่ในยุคโจมง และจีนก็เริ่มเข้ามามีบทบาทในเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยได้นำเครื่องโม่เข้ามาภายในประเทศจนทำให้เกิดการพัฒนาเส้นโซบะขึ้นมา ตั้งแต่นั้นคนญี่ปุ่นก็เริ่มหันมาทานโซบะมากขึ้นจนกลายเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่น

jumbo jili

เส้นโซบะทำมาจากอะไรกันนะ?
ตัวแป้งของโซบะที่นำมาใช้ทำนั้นคือแป้งทีี่ทำจากเมล็ดของ “ต้นโซบะ” นั่นเอง จึงได้ชื่อว่าโซบะ รูปร่างของเส้นโซบะนั้นมักเป็นทรงกลมยาว และมีสีออกน้ำตาล เพราะเมล็ดมีสีน้ำตาลโทนเดียวกันนั่นเอง

นอกจากนี้ต้นโซบะยังมีอีกชื่อหนึ่งว่า ต้นบัควีท ภาษาอังกฤษคือ Buckwheat ถ้าเห็นที่ไหนก็ให้แน่ใจเลยว่าเป็นอาหารชนิดเดียวกัน บางทีฝรั่งก็เรียกโซบะว่า Buckwheat Noodle (บะหมี่บัควีท)

สล็อต

คุณสมบัติของแป้งโซบะคือ

  1. ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงมากขึ้นจึงเป็นอาหารที่เหมาะมากสำหรับคนที่เป็นโรคภาวะหลอดเลือดและโรคความดันโลหิตสูง
  2. ช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้จึงเหมาะแก่การนำไปประกอบอาหารให้สำหรับคนที่เป็นเบาหวานรับประทาน
  3. ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ลำไส้ทำให้ท้องไม่ผูก และยังช่วยทำให้เกิดความอยากอาหารอีกด้วย
  4. โซบะมีคุณค่าทางอาหารสูงมากไม่ว่าจะเป็นวิตามินบี1 หรือบี2 และยังมีแร่ธาตุกับโปรตีนเป็น 2 เท่าของแป้งชนิดอื่น นอกจากนั้นยังมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์อีกถึง 8 ชนิดอีกด้วย

สล็อตออนไลน์

อาหารที่มีเส้นโซบะเป็นส่วนประกอบมีอะไรบ้าง
หากได้รู้คุณประโยชน์ของเจ้าเส้นแสนอร่อยนี้แล้วล่ะคงต้องเริ่มหาเมนูโซบะมารับประทานบ้างแล้วล่ะซึ่งก็มีให้เลือกหลายแบบเลย!

  1. ซารุโซบะ โซบะเย็นๆที่ญี่ปุ่นก็ใช่ คนไทยก็ชอบ
    เมนูยอดนิยมของคนไทย ซารุโซบะเป็นเส้นโซบะเย็นที่ค่อยๆใช้ตะเกียบหมุนเส้นและนำไปจุ่มในซอสสูตรเฉพาะให้ได้รสชาติกลมกล่อมของตัวซอส สัมผัสเนื้อเส้นก็มีความนุ่มหนึบ ทานพร้อมผักและเครื่องเคียงได้หลากหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นต้นหอมญี่ปุ่น หัวไชเท้าฝอย หรือจะเพิ่มความจัดจ้านด้วยวาซาบิก็อร่อยไปอีกแบบ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือซอสที่ใช้จิ้มต้องอร่อย

jumboslot

  1. เทมปุระโซบะ ทำไมคนญี่ปุ่นชอบเอาของทอดมาใส่ในซุป
    เทมปุระโซบะเป็นเส้นโซบะที่ราดซุปจนชุ่มฉ่ำ และโรยหน้าด้วยของทอดเทมปุระตามใจชอบ พร้อมกับอาจเพิ่มต้นหอมหั่นฝอยก็ได้ นอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับความกรอบของแป้งเทมปุระแล้ว ก็ยังสามารถกินโซบะกับซุปร้อนๆ ช่วยลดความมันให้กับเทมปุระซึ่งเป็นของทอดได้อีกด้วย น่ากินสุดๆไปเลย
  2. คิทสึเนะโซบะ โซบะใส่เต้าหู้ทอดญี่ปุ่น
    โซบะในซุปร้อนที่จะมาพร้อมแผ่นเต้าหู้ทอด เพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่า คิทสึเนะ หรือจิ้งจอกของญี่ปุ่นนั้นชื่นชอบเต้าหู้ทอดเป็นอย่างมากจึงได้นำชื่อของคิทสึเนะมาตั้งเป็นชื่อเมนูโซบะที่มีแผ่นเต้าหู้ทอดเป็นส่วนประกอบของตัวอาหาร

slot

ทำไมจึงเลือกโซบะเป็นอาหารต้อนรับวันปีใหม่
ที่ญี่ปุ่นนั้นในวันส่งท้ายปีเก่าหรือวันที่ 31 ธันวาคม เป็นวันที่ชาวญี่ปุ่นทุกครอบครัวจะทำอาหารชนิดหนึ่งของโซบะที่มีชื่อเรียกว่า 年越しそば (โทชิโคชิโซบะ) เป็นเส้นโซบะต้มสุกที่โดนจัดวางใส่ถ้วยพร้อมราดซุปร้อนๆแบบเฉพาะของแต่ละบ้าน ประดับด้วยของตามชอบไม่ว่าจะเป็นเทมปุระหรือเต้าหู้ทอด เนื้อสัตว์อย่างอื่นๆก็สามารถใส่ได้ไม่ว่ากัน

ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากกินเส้นโซบะในช่วงก่อนวันขึ้นปีใหม่ ชีวิตจะยืนยาวเหมือนเส้นของโซบะที่ยาวมากๆ รวมถึงการกัดก็เช่นกัน เส้นโซบะนั้นนับว่ากินได้ง่ายเพราะมีความนุ่มกว่าเส้นทั่วไป นั่นก็สามารถสื่อได้อีกความหมายว่าหากเราเจอปัญหาอะไรก็ตามก็สามารถคลายปมหรือปัญหาได้อย่างรวดเร็ว คนญี่ปุ่นชอบการท่องเที่ยวและการกินมาก