5 อันดับเมืองยอดนิยมในการไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่น

ใครที่ชอบและสนใจในประเทศญี่ปุ่นสุดๆ และอยากจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น จงเตรียมตัวเตรียมใจพร้อม หากทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปลงเอยที่ไหน ก็ญี่ปุ่นมีตั้ง 47 จังหวัด แถมทุกจังหวัดก็มีข้อดีไม่แพ้กัน ถ้าคิดยังไงก็คิดไม่ตก ลองไปดูเมืองท็อปฮิตที่คนต่างชาตินิยมไปเรียนต่อกัน จะได้รู้ว่าที่ไหนมีอะไรดี มีอะไรฮิต

jumbo jili

  1. Tokyo
    Tokyo เป็นเมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ที่มี Harajuku แหล่งกำเนิดวัฒนธรรมย่อยของญี่ปุ่น และเป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของเหล่าวัยรุ่นญี่ปุ่นที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็หลงใหล มีย่านธุกิจชั้นนำหลายแห่ง เป็นที่ที่เหมาะมากสำหรับคนที่สนใจเรียนต่อทางด้านวัฒนธรรมสมัยใหม่ แฟชั่น งานออกแบบ และเทคโนโลยี เพราะว่ามีของใหม่อัพเดทจากทั่วโลกมาให้ดูเสมอๆ แต่ Tokyo ก็ไม่ได้มีแค่เมืองอย่างเดียว แต่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถศึกษาวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่นได้อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้า วัด หรือสวนสวยที่เต็มไปด้วยดอกไม้และธรรมชาติก็มีอยู่ครบ

สล็อต

  1. Kyoto
    ในขณะที่หลายๆ คนเลือก Tokyo เพื่อแสวงหาความโมเดิร์นและความทันสมัยสไตล์เมืองใหญ่ หลายๆ คนก็เลือก Kyoto เมืองเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ของญี่ปุ่น เมืองที่เต็มไปด้วยวัด ศาลเจ้างดงาม ถนนหนทางเก่าแก่ สวนงดงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ เหมาะสำหรับคนที่สนใจและอยากจะศึกษาเกี่ยวกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น หรือคนที่สนใจศึกษาในสาขาอื่นแต่อยากจะสัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบเข้มข้นไปด้วย ขอแนะนำ Kyoto เลย

สล็อตออนไลน์

  1. Osaka
    Osaka ไม่ได้เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมอย่าง Kyoto และไม่ได้เป็นเมืองหลวงจัดๆ แบบ Tokyo แต่ก็สามารถพูดได้ว่าอยู่ระหว่างกลางของทั้งสองแห่ง คือมีความเจริญแบบ Tokyo อยู่แต่ก็อยู่ใกล้กับ Kyoto มากๆ แบบสามารถเดินทางไปได้ในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้จุดเด่นของ Osaka คืออาหารอร่อยและหลากหลาย สามารถเดินทางไป Kobe แหล่งขนมหวานขึ้นชื่อของญี่ปุ่น และ Chinatown สุดอร่อยที่อยู่ใกล้ๆ กันได้ไม่ยาก นอกจากนี้ก็มีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสวยงามอลังการที่ชื่อ Kaiyukan อยู่ Osaka จึงเหมาะกับคนที่ต้องการความหลากหลายในการใช้ชีวิต และเหมาะกับคนที่ชอบท่องเที่ยวเปิดโลกไปด้วยเรียนไปด้วยมากๆ

jumboslot

  1. Hiroshima
    Hiroshima เป็นอีกเมืองเก่าที่มีเสน่ห์และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เหมาะสำหรับคนที่อยากศึกษาประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นแบบเข้มข้น ในสภาพอากาศที่ไม่ทรมานคนไทยอย่างเราๆ มากเท่าเมืองทางเหนือที่หนาวจัดในฤดูหนาว Hiroshima มีทะเลและศาลเจ้างดงาม มีเสา Torii สวยงามกลางน้ำที่เราเคยได้เห็นกันบ่อยๆ ตามสื่อต่างๆ จนแทบจะเรียกว่าเป็นอีกสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว เหมาะกับคนที่ชอบศึกษาประวัติศาสตร์และชอบบรรยากาศแบบปลดปล่อยของทะเลกว้างของเมืองทางใต้
  2. Sapporo
    Sapporo เมืองทางเหนือของญี่ปุ่น เป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่มีของกินคุณภาพดีรสชาติอร่อยมากที่สุดของญี่ปุ่นเช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่ชอบความหนาวเย็น เพราะ

slot

ภูมิอากาศส่วนใหญ่ใน Sapporo จะเป็นค่อนไปทางหนาว แต่ในเมืองก็ยังสลับไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ เป็นที่ที่เหมาะกับคนที่สนใจวัฒนธรรมแบบเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนที่ไหนในญี่ปุ่น รวมทั้งเหมาะกับคนที่สนใจธรรมชาติสวยงาม และชอบความหนาวเย็นที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้ และนอกจากนี้ก็ยังมีเทศกาลต่างๆ น่าสนใจที่เด่นที่สุดก็คงจะเป็นเทศกาลน้ำแข็งที่มีการจัดแสดงผลงานแกะสลักน้ำแข็งและผลงานประติมากรรมหิมะทุกปี

เราอาจจะมีเรื่องต้องศึกษาอีกมากมายก่อนจะตัดสินใจไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น แต่อย่างน้อยเราก็คงจะได้รู้คร่าวๆ แล้วว่าแต่ละเมืองมีลักษณะพิเศษอย่างไร เผื่อจะเป็นการช่วยตัดสินใจเลือกเมืองที่จะไปเรียนต่อได้
รู้ไว้อาจมีโอกาศไปศึกษาชีวิตคนญี่ปุ่น

8 วิธีปฏิบัติตัวเมื่อเจอแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัยจากโจรขโมยและอุบัติเหตุต่างๆ แต่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยมาทดแทน และคนญี่ปุ่นก็ชินกับแผ่นดินไหวมากๆ ถ้าเกิดแผ่นดินไหวแรงๆ ขึ้นมาตอนที่พวกเราอยู่ที่ญี่ปุ่น สิ่งแรกที่ต้องมีเลยคือสติ หลังจากนั้นให้ดูคนรอบๆ ข้าง ก่อนจะปฏิบัติตามคนรอบข้าง เรามาดูกันว่าควรทำอย่างไรในแต่ละสถานการณ์

  1. ป้องกันตนเอง
    เวลารู้สึกว่าแผ่นดินไหวแรง ให้หาที่หลบโดยระวังไม่ให้อะไรตกใส่หัว จะหลบใต้โต๊ะ หรือจะเอาผ้าห่มคลุมหัวเอาไว้และพยายามหนีไปอยู่ตรงกลางๆ ห้อง และอยู่ห่างจากของที่จะหล่นได้อย่างตู้หรือของแตกได้อย่างโคมไฟหรือกระจกหน้าต่าง

jumbo jili

  1. ปิดแก้ส
    ถ้าทำครัวหรือเปิดแก๊สอยู่ให้รีบปิดแก๊สและดึงปลั๊กเครื่องไฟฟ้าออกให้หมด ภัยที่มักจะเกิดพร้อมๆ แผ่นดินไหวก็คือไฟไหม้นี่แหละ แต่ถ้าเกิดไหวแรงมาก ให้ปกป้องร่างกายของตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยดับไฟเมื่อสงบลง
  2. หนีออกข้างนอกอย่างระมัดระวัง
    ถ้าจะหนีออกข้างนอกให้ระวังรอบๆ ตัวโดยเฉพาะของที่จะหล่นลงมาจากข้างบน และห้ามใช้ลิฟต์เด็ดขาด ถ้าอยู่ในตึกคอนกรีต ให้เปิดประตูหรือหน้าต่างทิ้งเอาไว้เพื่อเปิดทางหนี เพราะถ้าไหวต่อเนื่องแรงมากๆ อาจจะทำให้โครงสร้างอาคารบิดเบี้ยวจนประตูหรือหน้าต่างอาจจะติดและเปิดไม่ได้

สล็อต

  1. ปกป้องเด็กๆ
    สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการปกป้องเด็กๆ เช่นการอุ้มหรือใช้เบาะหรือผ้าห่มคลุมหัวให้ เพราะเด็กไม่รู้เรื่องและไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ นอกจากนี้เด็กอาจจะเกิดความกลัวจนวิ่งไปมาและเกิดอันตรายได้ ฉะนั้นให้กอดเด็กเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
  2. ถ้าอยู่นอกอาคาร

สล็อตออนไลน์

ถ้าอยู่นอกอาหาร ให้วิ่งไปหาที่โล่ง พยายามอยู่ห่างจากกำแพงสูง สะพาน ถนนแคบๆ เนิน และอิฐก่อ เพื่อป้องกันของตกจากด้านบน หรือกำแพงถล่มลงมาทับ กระจกบนตึกอาจจะแตกและหล่นลงมาได้ ควรใช้กระเป๋าหรือของใกล้ตัวปกป้องหัวเอาไว้เพื่อความปลอดภัย

  1. ถ้าขับรถอยู่
    ถ้าขับรถอยู่ให้หยุดรถ และกำพวงมาลัยให้แน่น ระวังไม่เหยียบคันเร่งไปชนคันหน้า หลังจากนั้นให้พยายามขับรถเลี่ยงสี่แยกและจอดรถไว้ที่ด้านซ้ายของถนน พอแผ่นดินหยุดไหวแล้ว ก่อนจะออกจากรถให้ระ

jumboslot

วังรอบๆ ตัว ก่อน ปิดกระจกหน้าต่าง ทิ้งกุญแจเอาไว้อย่างนั้น และเอาเอกสารประกันภัยและของมีค่าติดตัวไปด้วย

  1. ถ้าอยู่ในตึก
    ถ้าอยู่ในอาคารสูง สิ่งแรกเลยคือต้องสงบสติอารมณ์ และรอจนกว่าแผ่นดินจะไหวเบาลง แล้วค่อยเคลื่อนย้าย ถ้าอยู่ในโรงหนัง ให้ก้มลงไปหลบระหว่างเก้าอี้ และถ้าอยู่ในห้าง ให้ระวังตู้โชว์คว่ำหรือกระจกแตก และปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงาน ถ้าอยู่ในลิฟท์ ให้ออกในชั้นที่ใกล้ทีุ่ด และถ้าติดอยู่ในนั้นก็ให้กดปุ่มแจ้งให้คนข้างนอกทราบ และรอความช่วยเหลืออย่างมีสติ

slot

8.ถ้าอยู่ในรถไฟ
ถ้าอยู่ในรถไฟ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานในสถานี อย่าตื่นตระหนก และอย่าพยายามจะออกจากรถไฟเพราะว่าอันตรายมาก ถึงไฟจะดับก็จะมีไฟฉุกเฉิน ฉะนั้นไม่ต้องกลัว ให้จับราวจับให้แน่น และรอเสียงประกาศ ถ้าอยู่ที่สถานี ให้สงบสติอารมณ์และรอฟังเสียงประกาศจากพนักงานเช่นกัน ถึงจะฟังไม่ออกแต่ก็ให้ปฏิบัติตามคนรอบข้าง อย่าแตกตื่น ดินแดนที่แผ่นดินไหวบ่อยที่สุด

7 สิ่งน่าอึ้ง (+ทึ่ง) เกี่ยวกับญี่ปุ่น

จะเรียกว่าช่องหว่างระหว่างวัฒนธรรมก็ได้ คือช่องว่างความต่างระหว่างวัฒนธรรมไทยกับญี่ปุ่นมันกว้างมากๆ แบบที่ไม่ว่าใครได้มาญี่ปุ่นครั้งแรกและได้เห็นหรือสัมผัสแล้วจะต้องอึ้งกับความพิเศษของคนญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความตรงต่อเวลา ความมีระเบียบ และการใส่ใจคนรอบข้าง ที่ต้องยอมรับเลยว่าญี่ปุ่นเขาไม่แพ้ใครจริงๆ

  1. รถไฟตรงเวลามาก
    รถไฟญี่ปุ่นตรงเวลามากจนไม่ว่าใครก็ตกใจแน่นอน ถ้าในบอร์ดเขียนบอกว่า 14:23 นาที รถไฟก็จะเคลื่อนขบวนตอน 14:23 นาทีเป๊ะๆ ไม่ขาดไม่เกินเลยทีเดียว ประเภทที่ว่าสายแค่ 1 นาที คนญี่ปุ่นก็จะหงุดหงิดและบ่นว่า รถไฟมาสาย! กันขนาดนั้นเลยทีเดียว และถ้ารถไฟเลทเมื่อไหร่ก็จะมีการประกาศจนรู้ทั่วกัน ฉะนั้นนัดใครไว้จึงจะอ้างว่ารถติด หรือรถไฟไม่มาจนไปสายไม่ได้เลย

jumbo jili

  1. โรงแรมแคปซูล
    เรียกว่าเป็นนวัตกรรมของญี่ปุ่นเลยล่ะ การผลิตโรงแรมขนาดเล็กเหมือนแคปซูล เหมือนในหนังวิทยาศาสตร์ที่จะมีแคปซูลเรียงอยู่เป็นชั้นๆ และสามารถเข้าไปนอนได้พอดี ค่าใช้บริการก็ไม่แพง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการที่นอนเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ก็ยังมีห้องอาบน้ำเอาไว้บริการด้วยเช่นกัน ทั้งนี้โรงแรมแคปซูลส่วนมากจะรับแต่ลูกค้าผู้ชายเท่านั้น ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย แต่ในปัจจุบันก็มีโรงแรมแคปซูลที่ผู้หญิงสามารถใช้บริการได้มากขึ้น
  2. ร้านอาหารยืนกิน
    พฤติกรรมยืนกินนั้นไม่ค่อยจะได้เห็นที่ไหนนอกจากตามบาร์หรือผับในตอนกลางคืน และนั่นส่วนมากก็เป็นการดื่มมากกว่า แต่ที่ญี่ปุ่นมีร้านอาหารยืนกินมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านอุด้งโซบะ ไปจนถึงร้านสเต็ก

สล็อต

เนื่องจากเป็นการประหยัดเนื้อที่ภายในร้าน และเป็นการหมุนเวียนลูกค้าอย่างหนึ่ง เพราะกินเสร็จแล้วก็ไม่สามารถนั่งแช่ได้ ต้องออกไปเพื่อให้ลูกค้าคนอื่นเข้ามากินต่อ แต่ถึงญี่ปุ่นจะมีวัฒนธรรมการยืนกิน แต่การเดินกินนั้นถือว่าเป็นเรื่องไม่งาม ฉะนั้นเวลาซื้อไอติมหรือขนมอะไร พยายามอย่าเดินกินในญี่ปุ่น แต่ให้ยืนกินที่หน้าร้านจนหมดจะดีกว่านะ

  1. น้ำประปาสะอาดอื่มได้
    น้ำประปาญี่ปุ่นสะอาดและดื่มได้ ถึงกระนั้นก็ยังมีน้ำเปล่าบรรจุขวดขายอยู่ แต่จะขายยากกว่าบ้านเราหน่อยเพราะจุดขายแทบจะไม่มี นอกจากจะโฆษณาว่าน้ำบรรจุขวดนั้นมีการผสมแร่ธาตุและวิตามินต่างๆ มากกว่าน้ำประปานะ แต่โดยปกติแล้ว น้ำประปาดื่มได้ดื่มดี

สล็อตออนไลน์

  1. คนญี่ปุ่นแบ่งฟากเวลาขึ้นบันไดเลื่อน
    เวลาขึ้นบันไดเเลื่อน คนญี่ปุ่นมักจะยืนชิดด้านใดด้านหนึ่ง โดยทางฝั่งโตเกียวจะยืนชิดซ้าย ในขณะที่ฝั่งโอซาก้าจะยืนชิดขวา โดยแบ่งฟากเอาไว้สำหรับคนที่รีบและต้องการวิ่งหรือเดินขึ้นบันได้อีกด้านหนึ่งเสมอๆ ถึงแม้ตอนนี้ในโตเกียวจะออกมารณรงค์ว่าไม่ควรยืนชิดฝั่ง ควรจะยืนให้เต็มเพื่อไม่ให้คนเดินหรือวิ่งบนบันไดเลื่อนอีกต่อไป (เพราะว่าอันตรายและก่อให้เกิดอุบัติเหตุมามากแล้ว) แต่คนญี่ปุ่นก็ยังชิน ยืนชิดฝั่งกันอยู่ดี

jumboslot

  1. คนญี่ปุ่นช่างขอโทษ
    คนญี่ปุ่นมีคำพูดติดปากเลยก็คือ Sumimasen เป็นคำขอโทษแบบหนึ่งที่เรียกว่าสามารถใช้กันในทุกสถานการณ์เลย ตั้งแต่การขออนุญาติไปจนถึงขอโทษที่ทำผิด เรียกว่านิดๆ หน่อยๆ ก็จะ sumimasen เอาไว้ก่อน นอกจากนี้ในภาษาญี่ปุ่นยังมีคำทีใช้ในการขอโทษมากมายหลายคำ แบ่งใช้ตามความผิดที่ก่อ ยิ่งรุนแรงมาก คำขอโทษก็ยิ่งยาวตามไปเรื่อยๆ อีกต่างหาก

slot

  1. คนญี่ปุ่นใส่ผ้าปิดปากกันเป็นเรื่องปกติ
    ในสถานีรถไฟหรือสถานที่สาธารณะของญี่ปุ่นในช่วงหน้าหนาวและในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีคนอยู่เยอะๆ จะสามรถสังเกตุได้เป็นอย่างดีเลยว่าคนญี่ปุ่นใส่ผ้าปิดปากกันเป็นเรื่องปกติ ที่คนญี่ปุ่นใส่หน้ากากนั้น ไม่ใช่เพราะว่ากันเชื้อโรคจากคนอื่นมาติดตัวเองอย่างเดียวเหมือนที่พวกเราเข้าใจ แต่จริงๆ แล้วเขาใส่ผ้าปิดปากเพราะว่ากันเชื้อโรคจากตัวเองไปติดคนอื่นด้วยเช่นกัน คนญี่ปุ่นชอบท่องเที่ยวและถือเป็นวัตธนธรรมกันสืบมา

7 สถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาดของญี่ปุ่น

ที่เที่ยวเหล่านี้อาจจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและอยู่ไกลจากคำว่าเก๋ฮิป แต่เป็นที่เที่ยวสำคัญของญี่ปุ่น ที่ถ้ายังไม่เคยได้ไป ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเที่ยวญี่ปุ่นจนทั่วแล้ว เพราะสถานที่เหล่านี้แหละที่เข้มข้นไปด้วยวัฒนธรรม ศิลปะ และประวัติศาสตร์ที่หล่อหลอมให้ญี่ปุ่นเป็นญี่ปุ่นจนถึงทุกวันนี้ ถ้าที่ไหนไม่มีอยู่ในแพลน ให้รีบลิสต์ใส่เอาไว้ในทริปด้วยด่วนเลยนะ

7 ที่เที่ยวที่ต้องไปสักครั้ง

  1. Itsukushima (Hiroshima)
    ใครๆ ก็คงจะเคยเห็นภาพถ่ายสวยๆ ของญี่ปุ่นทั้งตามหน้าปกหนังสือนำเที่ยวหรือโปสเตอร์รวมทั้งโปสการ์ดต่างๆ ที่เป็นภาพเสา Torii ที่อยู่กลางน้ำ นั่นคือภาพของศาลเจ้า

jumbo jili

Itsukushima ที่อยู่บนเกาะ Miyajima ไม่ไกลจากเมืองฮิโรชิมานัก โดยที่นี่จะโดดเด่นด้วยเสา Torii ขนาดใหญ่กลางน้ำ ที่เวลาที่นํ้าขึ้นสูงสุดจะทำให้ดูราวกับว่าศาลเจ้านี้ลอยอยู่บนทะเล ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมจาก UNESCO ในปี 1996 แน่นอนว่าสำหรับคนไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกแล้ว ที่นี่เป็นที่ที่ควรจะต้องไปดูเลย เพราะว่าของจริงสวยยิ่งกว่าในภาพถ่ายอีกนะ

  1. อากิฮาบาระ
    บางคนอาจจะสนใจวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น แต่แน่นอนว่าต้องมีอีกหลายคนที่สนใจวัฒนธรรมสมัยใหม่ของญี่ปุ่นแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นมังงะและอนิเมะ ศูนย์รวมวัฒนธรรมย่อย

สล็อต

แนวนี้ของญี่ปุ่นมีหลายที่ แต่มือใหม่ขอแนะนำให้มาลงที่ Akihabara ก่อนเลย เพราะมีครบครัน ครบทุกแนวทุกแบบให้เลือกซื้อและเลือกสัมผัส นอกจากนี้ Akihabara ยังเต็มไปด้วยสีสันสว่างสดใส เสียงดังและเต็มไปด้วยกิจกรรมมากมาย รับรองว่ามันจะกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าคนที่ชอบอนิเมะ เกม และมังงะไปในทันที

  1. วัดโทไดจิ (นารา)
    วัด Todaiji ที่เมือง Nara นั้นเป็นที่ตั้งของพระพุทธรูปบรอนซ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และตัวอาคารเองก็ยังเป็นอาคารไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วย รายล้อมด้วยสวนขนาดใหญ่สวยงามอลังการ และฝูงกวางมากมายที่สามารถให้อาหารได้ นอกจากนี้ภายในนั้นยังรวมไว้ด้วยวัตถุโบราณทางศิลปะหาดูยากจำนวนมาก เป็นที่ๆเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ทางศาสนาของญี่ปุ่น ส่วนเหล่าฝูงกวางก็สามารถเดินเข้าออกได้ตามอำเภอใจยิ่งกว่าคนเสียอีกเพราะว่ากันว่ากวางคือผู้ส่งสารจากพระเจ้านั่นเอง

สล็อตออนไลน์

  1. Kinkaku-ji (Kyoto)
    Kinkaku-ji หรือที่เรารู้จักกันดีว่า วัดทองนั่นเอง ถ้าไปญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ไปชมความงดงามของวัดทองแห่งนี้จัดว่ายังมาไม่ถึงญี่ปุ่น ฉะนั้นใครที่ไปญี่ปุ่นครั้งแรกนั้นควรจะต้องไปเยี่ยมชมซักครั้งหนึ่ง ความงดงามเหนือคำบรรยาย โดยเฉพาะเงาสะท้อนของวัดที่สะท้อนลงบนพื้นน้ำเบื้องล่าง สวยงามหมดจดจริงๆ แต่เดิมวัดทองนี้สร้างเพื่อเป็นที่อาศัยหลังจากเกษียณหน้าที่แล้วของโชกุน Ashikaga Yoshimitsu แต่ถูกเผาลงในปี 1950 และ 5 ปีหลังจากนั้นวัดนี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เหมือนเดิมทุกประการ และตั้งตระหง่านสวยงามต้อนรับนักท่องเที่ยวมาจนถึงทุกวันนี้
  2. Kiyomizu-dera (Kyoto)
    Kiyomizu-dera เป็นอีกวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเลย เป้นวัดที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ย้อนไปได้จนถึงปี 798 เลยทีเดียว มีน้ำตกภายในที่ไหลลงมาทำให้เกิดสมดุลย์ที่

jumboslot

สวยงามระหว่างวัดและธรรมชาติ ตัวอาคารของวัดประกอบขึ้นมาด้วยภูมิปัญญาญี่ปุ่น นั่นคือไม่ได้มีการใช้น็อตหรือตะปูในการประกอบเลย แต่กลับมีโครงสร้างแข็งแรงทนร้อนทนหนาวมาได้ยาวนาน นอกจากนี้แผงระเบียงที่ยื่นออกไปนอกผายังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ห้ามพลาดเด็ดขาด

  1. Kamakura
    พระใหญ่แห่งวัด Kotoku-in ใน Kamakura เป็นพระพุทธรูปบรอนซ์ของ Amida Buddha องค์ใหญ่ที่แลดูทรงพลัง สูงกว่า 13 เมตรและหนักกว่า 93 ตัน มีรายงานว่าพระพุทธรูปนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่ปี 1252 โดยดั้งเดิมอยู่ในวัดไม้เล็กๆ แต่ที่ปัจจุบันอยู่กลางแจ้งนั้น เป็นเพราะวัดไม้นั้นถูกคลื่นสีนามิพัดไปเมื่อเกิดอุบัติภัยในสมัยศตวรรษที่ 15 วัด Kotoku-in ใน Kamakura นี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ห่างจาก Tokyo เลย สามารถไปกลับได้ในหนึ่งวัน และถ้าใครแผนไปแถวนั้นต้องไม่พลาดใส่ทริปนี้ลงไปในโปรแกรมด้วยเด็ดขาด

slot

  1. ภูเขาฟูจิ (Shizuoka & อื่นๆ)
    มาถึงญี่ปุ่นแล้วไม่ว่ายังไงก็ตามจะต้องได้เห็นภูเขาฟูจิ ซึ่งเป็นภูเขาที่สวยและงดงามที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังสูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย กับความสูง 3,776 เมตร สามารถมองเห็นได้จากหลายจุดในญี่ปุ่น โดยมากที่จะสามารถมองเห็นได้ใหญ่โตชัดเจนเลยก็จะเป็นในแถบจังหวัด Shizuoka แต่ใน Tokyo บนอาคารสูงๆ ในวันที่ฟ้าเปิด หรือแม้แต่ในรถไฟ Shinkansen ที่มุ่งหน้าไป-กลับ Tokyo และฝั่ง Osaka ก็สามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้อย่างชัดเจนเช่นกัน แต่ถ้าใครคิดว่าแค่ดูอย่างเดียวมันไม่หนำใจ ก็สามารถไปปีนได้ โดยทุกปีก็จะมีคนขึ้นไปปีนภูเขาฟูจิกว่า 200,000 คน ซึ่งจะเปิดให้ปีนเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ใช้เวลาปีนประมาณ 4-8 ชั่วโมง และใช้เวลาปีนลงอีกประมาณ 3-5 ชั่วโมง
    ใครไปญี่ปุ่นก็ต้องไปเที่ยวให้ได้