คำศัพท์น่ารู้ของญี่ปุ่น

ในครั้งนี้เราจะมากล่าวถึง10คำศัพท์น่ารู้ของญี่ปุ่นที่ยังใช้กันประจำ ซึ่งบางคำอาจมีเค้าโครงเดิมจากอดีตกันบ้างหรืออาจเป็นคำใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันแล้วพบเห็นได้ทั่วไปทั้งในการทำงาน การท่องเที่ยว และการใช้ชีวิตประจำวัน มาทดสอบกันว่า10ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้คุณรู้จักอยู่กี่คำ
นัตโต (Nattou) 納豆 (なっとう)
ความหมาย = นัตโต คือถั่วเน่า อาหารของญี่ปุ่น
นัตโตหรือถั่วเน่าญี่ปุ่นนี้เป็นอาหารท้องถิ่นของชาวญี่ปุ่น กินกันทั่วประเทศแต่เป็นที่นิยมตั้งแต่ทางตอนเหนือของคันโตขึ้นไปค่ะ เป็นอาหารซึ่งเกิดจากการนำเอาถั่วไปหมักกับแบคทีเรียดีชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Bacillus subtilis ทำให้เกิดลักษณะเม็ดถั่วมีกลิ่นแรง มีเส้นยืดเหนียวๆโดยรอบ เมนูกลิ่นแรงรสอร่อยนี้หากเปรียบเทียบกับอาหารไทยก็คงเหมือนปลาร้าบ้านเรา ที่แม้แต่ชาวไทยเองก็ใช่ว่าทุกคนจะรับประทานได้ ต้องขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลด้วยค่ะ นับว่าเป็นอาหารที่รับประทานยากทั้งสำหรับชาวต่างชาติอย่างเราและชาวญี่ปุ่นเองเลย

โดยทั่วไปแล้วคนญี่ปุ่นมักรับประทานนัตโตกับข้าวสวยร้อนๆพร้อมด้วยโชยุค่ะ หรือนำไปเป็นส่วนประกอบอาหารอื่นๆเพิ่มเติม เช่นซูชินัตโต ข้าวปั้นนัตโต เป็นต้น แต่สำหรับวิธีรับประทานของมือใหม่นั้นควรทานเคียงกับมัสตาร์ด หัวไชเท้าฝาน และวาซาบิเพื่อลดกลิ่นไม่พึงประสงค์และการรับรสบางประการที่อาจทำให้รู้สึกว่ารับประทานนัตโตะได้ยาก จึงจะสามารถทำให้รับประทานได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม

jumbo jili

โออิชี่ (Oishii) 美味しい (おいしい)
ความหมาย = อร่อย
โออิชี่เป็นคำพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นและอุทานหรือบรรยายถึงรสชาติอาหารอร่อย ถ้าพิจารณาจากตัวคันจินั้น โออิชี่จะมาจากการประกอบคำว่า 美 (บิ) ที่แปลว่างดงามสวยงาม และ 味 (อะจิ) ที่แปลว่ารสชาติ พอรวมกันมักจะอ่านได้ว่า บิมิ
ส่วนการออกเสียงว่า โออิชี่ มาจาก 美し (อิชิ) ซึ่งอดีตแปลว่าสวยงาม แต่หลังจากยุคเอโดะเป็นต้นมา คำนี้ถูกใช้ในการชมว่าอาหารอร่อยด้วย (แต่เป็นคำสำหรับผู้หญิงเป็นหลัก) โดยใช้ในการพูดถึงรสชาติอาหารอร่อยที่ตนได้สัมผัสเอง ตามสมัยนิยมจึงได้มีการลากเสียงยาม เติมอิลงท้ายแบบภาษาพูดของผู้หญิงญี่ปุ่น กลายเป็นคำว่า いしい (อิชี่) นำมาเติม お (โอ) ซึ่งปกติใช้วางหน้าคำที่ต้องการยกย่องให้มีความสุภาพหรือเป็นทางการยิ่งขึ้น กลายเป็นคำว่า おいしい (โออิชี่) ที่มีความหมายทางการในการใช้ทั่วไป
แต่ใช่ว่าจะมีแต่คำว่าโออิชี่ที่แปลว่าอาหารรสชาติอร่อยเพียงแค่คำเดียวนะ ยังมีอีกคำที่ออกไปทางภาษาพูดเสียมากกว่าที่มีความหมายตรงกัน คือคำว่า “うまい อุไม” เป็นคำสบายๆที่เป็นทางการน้อยกว่า
ตัวอย่างประโยค = ラーメンが美味しかったです。(ramen ga oishikatta desu) ราเมงอร่อยมากค่ะ
อิคิไก (Ikigai) 生き甲斐 (いきがい)ความหมาย = อิคิไก คือ หลักในการดำเนินชีวิตแบบหนึ่งของคนญี่ปุ่น
อิคิไกเป็นอีกหนึ่งหลักการในการดำเนินชีวิตรูปแบบหนึ่งของคนญี่ปุ่นค่ะ พื้นฐานมาจากคำว่า 生き (อิคิ) ที่แปลว่าชีวิตหรือการใช้ชีวิต และคำว่า 甲斐 (ไก) ที่แปลว่าเหตุผล เมื่อนำสองคำนี้รวมกันจึงอาจแปลได้ว่า เหตุผลของการใช้ชีวิตหรือเหตุผลของการมีชีวิตนั่นเอง

สล็อต

โดยพื้นฐานความคิดหลักอิคิไกนั้นคือการใช้ชีวิตของตนเองตั้งแต่ลืมตาตื่นมาในตอนเช้าให้มีความสุขในทุกๆวัน ซึ่งเป็นพิจารณาตั้งคำถามแล้วตอบตนเองจาก4องค์ประกอบหลักว่า
1 อะไรคือสิ่งที่คุณทำได้อย่างดี ในขณะเดียวกันก็ทำให้คุณความสุขที่จะทำด้วย?
2 อะไรคือสิ่งที่โลกต้องการแล้วคุณเองก็มีความสุขที่จะกระทำ?
3 อะไรคือสิ่งที่สร้างประโยชน์(เงิน)ให้กับเรา แล้วโลกก็ยังคงต้องการ?
4 อะไรคือคือสิ่งที่เราทำได้ดี แล้วก็สร้างรายได้ให้กับเราด้วย?
หากคุณตอบคำถามดังกล่าวแล้วขาดประเด็นใดไป ก็ถือว่าคุณยังปฏิบัติได้ไม่ครบตามหลักแนวคิดของอิคิไกนะ

คำถามจากแนวคิด4องค์ประกอบนี้คนญี่ปุ่นนำไปปรับใช้ทั้งในการใช้ชีวิตประจำวัน ปัจจุบันถูกนำมาใช้ในการวางแผนชิวิตและการทำงานซะเยอะ และมักแทรกซึมมาเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการทำงานในบริษัทญี่ปุ่นด้วย เช่น ทำอย่างไรให้ทำงานแล้วมีความสุขและบริษัทเองก็ได้รับประโยชน์ด้วย
หากใครได้ทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น รับรองได้ว่าคุณจะพบกับบุคคลไม่น้อยเลยที่รู้จักคำว่าอิคิไก หรือนำหลักอิคิไกมาใช้ในการทำงาน

ฮานามิ (Hanami) 花見 (はなみ)
ความหมาย = ฮานามิ คือ เทศกาลชมดอกไม้และซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ฮานามิมาจากคันจิสองคำที่รวมกันคือ 花 (ฮานะ) ที่แปลว่าดอกไม้ และ 見る (มิรุ) ที่แปลว่าดูหรือมอง หากนำสองคำนี้มารวมกันอาจแปลได้ว่าการชมดอกไม้ ไม่ใช่ซากุระอย่างเดียว แต่ทั้งนี้ในหลายกรณีก็จะหมายถึงซากุระเป็นหลัก

สล็อตออนไลน์

เนื่องจากฮานามิถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงรอยต่อสมัยนาระถึงสมัยเฮอัน (ประมาณตอนปลายศตวรรษที่ 8 ถึงต้นศตวรรษที่ 9) เป็นกิจกรรมของขุนนางเป็นหลัก และด้วยปัจจัยหลากหลายด้านทำให้ดอกซากุระกลายเป็นดอกไม้หลักที่ชมกันในงานฮานามิ เพราะสมัยก่อนนั้นต้นซากุระจะปลูกแค่เพียงในพระราชวังกับบ้านขุนนางเท่านั้น (เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงฐานะตระกูลในสมัยก่อน)

แต่กว่าจะมาเป็นดอกซากุระให้เราชมทั่วเมืองได้แบบทุกวันนี้ ต้องผ่านการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธ์อย่างหนัก (สายพันธ์โซเมอิโยชิโนะที่เราเห็นกันมากที่สุดนั้่น จริงๆเพิ่งเกิดมาไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น) แถมช่วงปลายเอโดะยังมีการเผาทำลายซากุระเพราะถือเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจขุนนางอีกด้วย ทำให้มีช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ซากุระลดจำนวนลงบ้าง
ในปัจจุบัน คุณค่าอีกด้านที่จับต้องได้สำหรับการชมซากุระคือการได้ไปทำกิจกรรมชมดอกไม้กันทั้งครอบครัวหรือคนที่รัก ได้ใช้เวลาดีๆในช่วงเวลาที่ดีใต้ต้นดอกซากุระนั่นเอง เทศกาลการชมดอกซากุระจึงมีความหมายมากกว่าแค่การไปชื่นชมดอกไม้ที่ผลิบาน

โอโมะเตะนาชิ (Omotenashi) おもてなし
ความหมาย = โอโมะเตะนาชิ คือ วิถีการบริการด้วยใจสไตล์ญี่ปุ่น
สำหรับคนที่ทำงานด้านต้อนรับ ทั้งงานบริการ งานร้านอาหาร หรือโรงแรม อาจจะคุ้นหูกับคำนี้อยู่บ้าง เพราะโอโมเตะนาชิคือหลักการบริการด้วยใจแบบญี่ปุ่นที่เป็นหัวใจหลักในการทำงานด้านบริการเลย ซึ่งเป็นมารยาททางธุรกิจบริการที่ควรทราบอย่างยิ่ง โดยมีหัวใจหลักในการทำงานง่ายๆคือการต้อนรับและดูแลลูกค้าเสมือนเขาเป็นญาติมิตรหรือคนในครอบครัว

jumboslot

ของเราอย่างจริงใจ ซึ่งแตกต่างการบริการลูกค้าทั่วไปที่มองว่าลูกค้าคือพระเจ้า (ไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียง)
เราต้องการได้บริการแบบใดกับตนเอง ก็ให้เสนอการบริการแบบเดียวกันให้กับลูกค้า ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยที่อาจสร้างปัญหาขณะที่ลูกค้าใช้บริการได้ แล้วอำนวยความสะดวกกับลูกค้าแม้เป็นเรื่องเล็กน้อย ให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ นำมาสู่การกลับใช้บริการครั้งต่อไป

มังงะ (Manga) 漫画 (まんが)
ความหมาย = มังงะ คือ คำเรียกการ์ตูนแบบญี่ปุ่นแบบที่ต้องใช้การอ่านรับเรื่องราว
มังงะเป็นคำที่ไว้เรียกการ์ตูนแบบญี่ปุ่น ไม่ว่าจะลายเส้นมนหรือคม ทั้งแบบสีสดใสหรือขาวดำ แต่จะมีลักษณะที่ตรงกันคือจะมี การแบ่งช่องตอนของเรื่องราวชัดเจน มีบอลลูนคำพูดที่เป็นเอกลักษณ์งานวาดแบบญี่ปุ่น และที่สำคัญคือต้องเป็นสื่อการ์ตูนเล่มๆ ที่เราต้องอ่านเองเท่านั้นนะจึงจะนับว่าเป็นมังงะ การ์ตูนทีวีไม่นับ
หลายคนอาจมองว่ามังงะเป็นการ์ตูนสำหรับเด็ก แต่จริงๆแล้วมังงะมีหลายรูปแบบเพื่อตอบสนองทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่แนวตลก ความรัก กีฬา วัฒนธรรม เสียดสีการเมือง ฯลฯ ลบความคิดที่ว่ามังงะเหมาะสมกับเด็กเท่านั้นไปได้เลย

นอกจากมังงะจะส่งผลต่อความชอบในวัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้ว ยังมีผลต่ออุตสากรรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น อุตสาหกรรมผลิตสื่อญี่ปุ่น (ทั้งการ์ตูนและอื่นๆ) รวมถึงระบบการศึกษาของญี่ปุ่นอีกด้วย โดยสถานศึกษาหลายแห่งของญี่ปุ่นก็มีคณะและสาขาเกี่ยวกับการวาดมังงะเกิดขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งอาชีพเกี่ยวกับมังงะเองก็มีอัตราการแข่งขันพอสมควรทั้งจากนักเรียนญี่ปุ่นเองรวมถึงนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างชาติ

ด้วยหลากหลายเหตุผลที่กล่าวมานี้เอง มังงะถึงเป็นที่นิยมตั้งแต่ชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ ตัวอย่างมังงะยอดนิยมอย่างเช่น ONE PIECE หรือ ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน การ์ตูนดังทั้งสองเรื่องยาวที่ไม่รู้จะจบที่เมื่อไหร่เป็นต้น

ซึนเดเระ (Tsundere) ツンデレ (つんでれ)​
ความหมาย = ซึนเดเระ คือ คำที่ไว้เรียกคนที่มีลักษณะปากไม่ตรงกับใจ หรือบุคลิกภายในและภายนอกขัดแย้งกัน
ถ้าใครชอบการ์ตูน ต้องรู้ความหมายของคำนี้แน่ๆ
ใครเคยโดนหาว่าเป็นคนซึนหรือซึนเดเระบ้างคะ? สำหรับคำว่าซึนเดเระนี้มาจากการรวมคำว่า ツンツン (ซึนซึน) ที่แปลว่าร้ายกาจ โมโหร้าย และ デレデレ (เดเระเดเระ) ที่แปลว่าอ่อนหวานหรืออ่อนไหว นำมารวมกันกล่าวถึงบุคลิกของคนที่ปากไม่ตรงกับใจ หรือบุคลิกที่แสดงออกมาแข็งกร้าวไม่เป็นมิตรนักแต่แท้จริงแล้วจิตใจภายในปรารถนาดีแถมอ่อนไหวด้วยซ้ำ
เป็นคำที่เกิดจากความนิยมในตัวละครของมังงะและอนิเมะ ที่มักพบตัวละครที่มีบุคลิกซึนเดเระได้มากมาย แต่เป็นอีกหนึ่งคำที่ฮิตขึ้นมาจากการ์ตูนแต่บางทีก็ถูกนำกลับมาใช้กับบุคคลทั่วไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งการนำคำนี้ไปใช้นั้นต้องระมัดระวังเพราะเป็นคำที่ไปได้ทั้งสองทาง อาจจะดูเหมือนเอ็นดูผู้ที่ถูกเรียก หรืออาจกลายเป็นคำแง่ลบ กล่าวหาผู้ถูกเรียกก็ได้ และที่สำคัญคือ เนื่องจากเป็นคำใหม่ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองบางคนก็ยังไม่มั่นใจว่าแปลว่าอะไร

slot

โนมิไค (Nomikai) 飲み会 (のみかい)
ความหมาย = โนมิไค คือ คำเรียกการไปดื่มกัน และงานเลี้ยงพบปะกันแบบญี่ปุ่น
โนมิไคหรืองานเลี้ยงพบปะกันแบบญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นที่บางทีชาวต่างชาติอาจเกิดความสับสนกับงานเลี้ยงฉลองทั่วไปค่ะ
โนมิไคเป็นงานเลี้ยงที่ไม่ใช่งานเลี้ยงครั้งใหญ่ในวันสำคัญ แต่เป็นงานเลี้ยงกินดื่มที่มีจุดประสงค์ในการพบปะ สังสรรค์กับเพื่อนทั่วไป คุยกันแลกเปลี่ยนความคิด ละลายพฤติกรรม รวมถึงคุยเรื่องงานก็ได้ ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการนัดพบปะกันของผู้นัด สามารถนัดได้ในวันธรรมดาทั่วไปหลังเลิกงาน

ถึงโนมิไคจะดูไม่เป็นทางการมาก แต่ถ้าเมมเบอร์เป็นผู้ใหญ่ หรือจัดโดยบริษัท ก็จะมีมารยาทในการกินดื่มเยอะเหมือนกันนะ
อย่างเช่น มารยาทพื้นฐานการทักทายกันหรือการที่ผู้นัดต้องมาครบกันก่อนถึงเริ่มงาน หากเป็นโนมิไคที่จัดกับเพื่อนกันเองคงไม่ซีเรียส แต่สำหรับโนมิไคที่จัดในนามของบริษัท หรือมีหัวหน้าอยู่ด้วย ผู้น้อยหรือลูกน้องก็อาจจะต้องเอนเตอร์เทนต์แล้วคอยบริการผู้ใหญ่ของงานทั้งหมด (ทั้งนี้แล้วแต่ความเคร่งของบริษัทด้วย บริษัทที่จะไม่คุยเรื่องงานเลยในโนมิไคก็มี) หรือหากมีธุระสำคัญที่ต้องคุยกันก็ต้องคุยหลังจากอาหารหมดไปแล้วซัก 2ใน3 ส่วนเป็นต้น

ข้อควรระวังหากชวนกันไปกินดื่ม หากมีเอี่ยวกับเรื่องงานก็ไม่ควรดื่มหนักจนไม่ได้สติ หรือแพ้อาหารเครื่องดื่มแบบใดก็ควรบอกกล่าวกันก่อนเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตนะคะ
หลากหลายรูปแบบในญี่ปุ่น

แนะนำที่เที่ยวที่เป็น “ที่สุดในโลก” ในญี่ปุ่น

แหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศญี่ปุ่นถือว่ามีความหลากหลายและน่าสนใจมากมาย สำหรับสถานที่ที่จะแนะนำในครั้งนี้ก็จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกหรือเป็นที่สุดในโลกที่มีความแปลกใหม่ น่าสนใจ นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วไป โดยได้คัดเลือกความเป็นที่สุด 5 อย่างกับสถานที่ท่องเที่ยวมาแนะนำดังต่อไปนี้

  1. สะพานอาคาชิไคเคียว (Akashi-Kaikyo Bridge) สะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลก
    สะพานอาคาชิไคเคียว (Akashi-Kaikyo Bridge) หรือสะพานไข่มุก คือสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกโดยมีความยาวทั้งหมดรวม 3,991 เมตร ความยาวช่วงกลางสะพาน 1,991 เมตร ความสูงของหอคอยสะพานประมาณ 300 เมตร ประกอบด้วยถนน 6 เลน เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1998 เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเมืองโกเบ (Kobe) และเกาะอาวาจิ (Awaji Island) ในจังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo) ที่ช่องแคบอะกาชิ (Akashi Strait) เข้าด้วยกันและยังเป็นเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมต่อเกาะฮอนชูกับเกาะชิโกกุให้เดินทางสะดวกสบายมากขึ้นผ่านทางด่วนโกเบ-อาวาจินารุโตะ (Kobe-Awaji-Naruto Expressway) ไปยังจังหวัดโทคุชิมะ (Tokushima) ในภูมิภาคชิโกกุ (Shikoku) ด้วย

jumbo jili

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : ชมบรรยากาศรอบๆ สะพานอาคาชิไคเคียว (Akashi-Kaikyo Bridge), จังหวัดเฮียวโกะ (Hyogo)
ที่บริเวณสะพานอาคาชิไคเคียวมีจุดท่องเที่ยวและชมทิวทัศน์ของสะพานที่น่าสนใจ เช่น Maiko Marine Promenade หรือทางเดินสำหรับชมวิวบนความสูงประมาณ 47 เมตรจากระดับน้ำทะเล และมีทางเดินความยาวประมาณ 317 เมตร ยื่นออกไปสู่ช่องแคบอาคาชิ ไฮไลท์คือพื้นทางเดินบางส่วนเป็นกระจกใสจึงเห็นคลื่นทะเลได้อย่างชัดเจน หรือถ้าต้องการเรียนรู้เรื่องราวการก่อสร้างสะพานก็จะมีศูนย์จัดแสดงแบบจำลองของสะพานอาคาชิไคเคียว (Akashi Kaikyo Bridge Exhibition Center) ที่ภายในมีการนำเสนอเรื่องราวเทคโนโลยีการเชื่อมโยงสร้างสะพานระดับสูงที่สุดในโลกและการสร้างสะพานอาคาชิไคเคียวมาไว้ให้ได้เรียนรู้ผ่านนิทรรศการจำลอง จากนั้นก็ไปเดินเล่นชมวิวต่อที่สวนไมโกะ (Maiko Park) สวนสาธารณะบริเวณใต้สะพานฝั่งโกเบที่เหมาะกับการพักผ่อนสบายๆ โดยเฉพาะในช่วงค่ำสามารถชมการเปิดไฟประดับสะพานอาคาชิไคเคียวได้ด้วย

  1. โตโยต้า (Toyota) แบรนด์รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    โตโยต้า (Toyota) คือแบรนด์รถยนต์ของประเทศญี่ปุ่นที่ทุกคนน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะในประเทศไทยรถยนต์โตโยต้าก็ทำยอดขายอันดับ 1 ติดต่อกันมาหลายปี โตโยต้าได้ชื่อว่าเป็นแบรนด์รถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกก่อตั้งโดย คิอิจิโร โทโยดะ ในปี ค.ศ. 1937 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโทโยตะ (Toyota) จังหวัดไอจิ (Aichi) ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมาโตโยต้ากลายเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยจากวัดตามจำนวนคันที่ผลิตซึ่งในปีนั้นโตโยต้ารายงานว่าได้ผลิตรถยนต์คันที่ 200 ล้านนับแต่ก่อตั้งบริษัท ถือว่าเป็นบริษัทแรกของโลกที่มีกำลังการผลิตรถยนต์เกิน 10 ล้านคัน/ปี และโตโยต้าก็ยังมีรายได้จากผลประกอบการมากที่สุดในญี่ปุ่นด้วย สำหรับรถยนต์ที่ผลิตโดยโตโยต้าก็มีหลากหลายประเภท อาทิ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล, รถมินิบัส, รถบรรทุก เป็นต้น สำหรับใครที่สนใจประวัติความเป็นมาของโตโยต้าก็สามารถไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวของโตโยต้าในหลายๆ แง่มุมที่จังหวัดไอจิได้

สล็อต

พิพิธภัณฑ์รถยนต์โตโยต้า (Toyota Automobile Museum) คือส่วนหนึ่งของการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์เนื่องในโอกาสวันครบรอบ 50 ปี โตโยต้าและเฉลิมฉลอง100ปีของประวัติศาสตร์รถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน เมื่อปี ค.ศ. 1989 จุดเด่นคือทางเข้ารูปตัว T สีแดงโดดเด่นเป็นสง่า ภายในมีการจัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมาทั้งของรถยนต์โตโยต้าและรถยนต์รอบโลก โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 อาคารหลักๆ อาคารหลังแรกหรือเมนฮอลล์จะเป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศกาลกำเนิดรถยนต์ในเชิงประวัติศาสตร์กับวัฒนธรรมตลอดจนวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ สำหรับอาคารอีกหลังหรือเรียกว่าอาคารใหม่ก็จะเน้นการจัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์รถยนต์ในญี่ปุ่นโดยเฉพาะโตโยต้า นอกจากนี้ก็ยังมีการจัดนิทรรศการพิเศษในแต่ละช่วงเวลารวมถึงอีเวนท์ต่างๆ ตลอดปี อาทิ เทศกาลแสดงรถยนต์วินเทจ มีห้องสมุดหนังสือภาพยานพาหนะในยุคสมัยต่างๆ เป็นต้น

  1. อาโอโมริ (Aomori) หนึ่งในเมืองที่หิมะตกหนักที่สุดในโลก
    อาโอโมริ (Aomori) คือจังหวัดหนึ่งของภูมิภาคโทโฮคุ (Tohoku) ตั้งอยู่ทางเหนือสุดของเกาะฮอนชู ด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ซึ่งอยู่ในเขตมหาสมุทรกับความสูงของภูเขาและความใกล้ชิดกับอากาศเย็นจากเอเชียตะวันออกเฉียงเหนืออีกทั้งยังหันหน้าไปทางฮอกไกโด (Hokkaido) โดยมีช่องแคบสึการุ (Tsugaru) คั่นกลาง และภูเขาโออุ (Mt.Ou) ที่พาดผ่านจากทางเหนือจรดใต้ ซึ่งส่งผลให้เกิดภูมิอากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างฝั่งตะวันออกกับตะวันตก ทำให้มีปริมาณหิมะตกมากในทะเลฝั่งประเทศญี่ปุ่นรวมถึงพื้นที่จังหวัดอาโอโมริ ในฤดูหนาวของแต่ละปีจะมีปริมาณหิมะตกทับถมสูงเฉลี่ยราวๆ 8 เมตร (อ้างอิงจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น) และเป็นหนึ่งในเมืองที่หิมะตกหนักที่สุดในโลก (อ้างอิง AccuWeather) ดังนั้นหากจะไปเที่ยวอาโอโมริเพราะอยากเจอหิมะช่วงฤดูหนาวก็จะมีงานเทศกาลหิมะที่จัดขึ้นให้ได้เที่ยวชมและมีโอกาสได้สัมผัสกับหิมะอย่างแน่นอน

สล็อตออนไลน์

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : ภูเขาฮักโกดะ (Mt.Hakkoda) , จังหวัดอาโอโมริ (Aomori)
ภูเขาฮักโกดะ (Mt.Hakkoda) มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลราวๆ 1,585 เมตร ถือเป็นจุดที่มีหิมะตกทับถมหนักแห่งหนึ่งในอาโอโมริ (Aomori) และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในฤดูหนาวที่มีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจมากมายโดยเฉพาะเทศกาลหิมะและการชมปีศาจหิมะ (Ice Monster หรือจุเฮียว Juhyo) ซึ่งก็คือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากหิมะตกหนักทับถมใส่ต้นสนบนภูเขาแห่งนี้จนทำให้มองดูคล้ายปีศาจ สำหรับใครที่ชอบอากาศหนาวและหิมะถ้ามีโอกาสมาเยือนที่นี่สักครั้งในบางวันก็จะได้สัมผัสอุณหภูมิบนยอดเขาอยู่ที่ -20 องศาเซลเซียส โดยการไปชมวิวปีศาจหิมะ บนยอดเขาฮักโกดะจะต้องนั่งกระเช้าโรปเวย์ขึ้นไป ระหว่างที่เดินทางก็จะมีหิมะโปรยปรายท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติให้ได้ชื่นชมอีกด้วย
การเดินทาง : จากสถานีอาโอโมริ (JR Aomori Station) นั่งรถบัส JR Bus ไปได้ถึงสถานีกระเช้าฮักโกะ (Hakkoda Ropeway Station) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

  1. Steel Dragon 2000 รถไฟเหาะระยะทางยาวที่สุดในโลก
    ญี่ปุ่นมีสวนสนุกหลายแห่งและมีรถไฟเหาะที่ได้รับความสนใจระดับโลกในหลายๆ สวนสนุกด้วยเช่นกัน สำหรับรถไฟเหาะสตีลดรากอน 2000 (Steel Dragon 2000) ในสวนสนุกนากาชิมะ สปา แลนด์ (Nagashima Spa Land) จังหวัดมิเอะ (Mie) ก็เป็นรถไฟเหาะระดับแนวหน้าของโลกที่ได้รับการรับรองจากกินเนสบุ๊ค (Guinness Book of World Records) ให้เป็นรถไฟเหาะที่ยาวที่สุดในโลกกับระยะทางยาวทั้งหมด 2,479 เมตร อีกทั้งรถไฟเหาะนี้จะมีการไต่ระดับขึ้นไปสู่ความสูงที่สุดถึง 97 เมตรและทิ้งดิ่งลงมา 68 องศา ใช้เวลา 5 นาทีต่อหนึ่งรอบ อีกทั้งรถไฟเหาะรุ่นล่าสุดในปัจจุบันจะมีลักษณะที่นั่งติดกับตัวรถโดยไม่มีอะไรมากั้นไว้ สามารถยืดแขนยืดขาสัมผัสกับความรู้สึกอิสระขณะนั่งรถไฟเหาะได้อย่างเต็มที่เลยทีเดียว

jumboslot

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : นากาชิมะ สปา แลนด์ (Nagashima Spa Land), จังหวัดมิเอะ (Mie)
นากาชิมะ สปา แลนด์ (Nagashima Spa Land) คือสวนสนุกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมืองคุวานะ (Kuwana) จังหวัดมิเอะ (Mie) สามารถเดินทางจากนาโกย่าได้อย่างสะดวก จุดเด่นของที่นี่คือเครื่องเล่นมากมายหลายประเภท นอกจากรถไฟเหาะสตีลดรากอน 2000 (Steel Dragon 2000) ที่ได้กล่าวถึงไปในฐานะรถไฟเหาะระยะทางยาวที่สุดในโลก ก็ยังมีเครื่องเล่นอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น อะโครแบท (Acrobat) รถไฟเหาะฟลายอิ้งโคสเตอร์แห่งแรกในญี่ปุ่น, พรมเหาะ (Flying carpet), จานร่อน (Frisbee), สระว่ายน้ำจัมโบ้ขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น, คิดส์ทาวน์ (Kids Town) ซึ่งเป็นโซนเครื่องเล่นสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีบริการร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขนม ตลอดจนร้านขายของที่ระลึกต่างๆ อีกด้วย

  1. บราเธอร์เอิร์ท (Brother Earth) ท้องฟ้าจำลองใหญ่ที่สุดในโลก
    บราเธอร์เอิร์ท (Brother Earth) คือชื่อของท้องฟ้าจำลองในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองนาโกย่า (Nagoya City Science Museum) จังหวัดไอจิ (Aichi) ลักษณะเป็นท้องฟ้าจำลองทรงโดมที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางด้านใน 35 เมตร ซึ่งได้รับการรับรองจากกินเนสบุ๊ค (Guinness Book of World Records) ให้เป็นท้องฟ้าจำลองที่ใหญ่ที่สุดโลก ภายในท้องฟ้าจำลองประกอบด้วย UNIVERSARIUM Model IX สำหรับผู้ชม 350 ที่นั่งและมีการแสดงเทคโนโลยีแสง สี เสียง เรื่องราวของโลกและอวกาศ เช่นโมเดลดาวเทียม โมเดลเครื่องบิน รวมถึงการบรรยายเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาล ดาราศาสตร์และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับสมจริงมากที่สุดแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีการจัดแสดงในธีมต่างๆ ที่เปลี่ยนไปในแต่ละช่วงฤดูกาลด้วย

slot

สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ : พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองนาโกย่า (Nagoya City Science Museum) ,จังหวัดไอจิ (Aichi)
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เมืองนาโกย่า (Nagoya City Science Musesum) ตั้งอยู่ในพื้นที่สวนสาธารณะชิราคะวะ (Shirakawa Park) ใจกลางเมืองนาโกย่า ที่นี่ไม่ได้มีแค่ท้องฟ้าจำลองบราเธอร์เอิร์ท (Brother Earth) เท่านั้น แต่ยังมีโซนความรู้ด้านวิทยาศาสตร์แขนงอื่นที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง โดยแบ่งออกเป็น 3 อาคารหลัก ได้แก่ อาคารวิทยาศาสตร์ชีวิต อาคารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และท้องฟ้าจำลอง สำหรับอาคารวิทยาศาสตร์ชีวิตก็จะเป็นการจัดแสดงเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับเซลล์ อวัยวะ สิ่งมีชีวิตในชั้นบรรยากาศ และซากฟอสซิลไดโนเสาร์ เป็นต้น ในส่วนของอาคารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็จะมีการจัดแสดงพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่เน้นประสบการณ์เรียนรู้จากการปฏิบัติในห้องทดลองด้วยตัวเอง เกิดการมีส่วนร่วมที่ทำให้รู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลินและได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน เช่น ห้องทดลองการปล่อยกระแสไฟฟ้า, ห้องแลปห้องแลปทดลองหนาวสุดขั้วกับอุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส ที่ได้รับความนิยมมาก เหล่านี้เป็นต้น คนญี่ปุ่นชอบท่องเที่ยวและถือเป็นวัตธนธรรมกันสืบมา