เทคนิคดูแลผิวพรรณในฤดูร้อน สไตล์สาวญี่ปุ่น!

ฤดูร้อนในญี่ปุ่นเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอุปสรรคของความสวย แต่ไม่ต้องกลัวเพราะมีเทคนิคดีๆ ในการรับมือกับหน้าร้อนของญี่ปุ่นเพื่อผิวพรรณสวยๆ ที่ทำได้ไม่ยากเย็น

ฤดูร้อนของญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ได้ร้อนเล่นๆ เมื่อเทียบกับบ้านเราแล้วที่ญี่ปุ่นอากาศจะร้อนอบอ้าว ทำให้รู้สึกอึดอัด เหงื่อออกยาก และพอมีเหงื่อก็แห้งยาก รู้สึกว่าตัวเหนียวหนืดนานกว่า รู้สึกไม่สบายตัวมากกว่า เนื่องจากมีความชื้นในอากาศสูงนั่นเอง สภาพอากาศร้อนเช่นนี้ก็เป็นตัวทำลายสภาพผิวของเรา วันนี้จึงมาแนะนำวิธีที่สาวๆ ญี่ปุ่นใช้รับมือกับสภาพอากาศที่ทรมานผิวพรรณแบบนี้ รับรองเลยว่าผิวจะสวยใสแบบสาวญี่ปุ่นกันแน่นอน

เรามาดูขั้นตอนการดูแลผิวให้สวยอยู่เสมอกันทีละสเต็ปๆ เลยดีกว่า

jumbo jili

  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในแบบสาวญี่ปุ่น
    การจะมีผิวสวยท้าลมร้อนอย่างแรกสุดควรใส่ใจเรื่องอาหาร สาวญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าถ้ารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้ภายในร่างกายดีก็จะส่งผลให้ภายนอกดีไปด้วย สาวญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยรับประทานอาหารประเภทไขมัน น้ำตาล และเนื้อสัตว์มากนัก แต่จะเน้นผักผลไม้ ข้าว และปลาในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนเครื่องดื่มก็นิยมดื่มชาเขียว เพราะมีสรรพคุณในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยขับของเสีย และต่อต้านแบคทีเรีย ชาเขียวจะช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายด้วย ทำให้สขภาพร่างกายดี ผิวพรรณผ่องใส

และสำหรับหน้าร้อนแบบนี้ อาหารที่เหมาะจะช่วยคลายร้อนได้ก็อย่างเช่นพวกบะหมี่เย็น โซเม็งเย็น โซบะเย็น ปิดท้ายด้วยของหวานอย่างน้ำแข็งใสและรามูเนะ เครื่องดื่มโซดาเปรี้ยวจี๊ดรสมะนาวสไตล์ญี่ปุ่น

สล็อต

  1. ครีมกันแดด ไอเท็มสำคัญที่ขาดไม่ได้ในหน้าร้อน
    แสงแดดเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ หมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำต่างๆ ฝ้า กระ ผิวหยาบแห้งกร้าน เหี่ยวย่น เราจึงควรหลีกเลี่ยงการปะทะกับแสงแดด ดังนั้นก่อนออกจากบ้านตอนเช้าควรทาครีมกันแดดหรือรองพื้นที่มีส่วนผสมที่ป้องกันการถูกแสงแดดทำลายผิว สวมหมวกกันแดด ใส่แว่นกันแดด หรือกางร่ม การป้องกันผิวจากแสงแดดนี้เองที่เป็นเคล็ดลับให้สาวญี่ปุ่นมีผิวสวยๆ

สำหรับครีมกันแดดแบรนด์ญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและญี่ปุ่นเองก็มีมากมาย อาทิ บีโอเร (Biore) แอนเนสซ่า (Anessa) เป็นต้น ซึ่งทางญี่ปุ่นเองก็ได้คิดค้นสูตรและพัฒนาครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิวและความสะดวกสบายในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นแบบเจล ครีมหรือสเปรย์ นอกจากนี้ ครีมกันแดดเองก็สำคัญสำหรับหนุ่มๆ ด้วยเช่นกันนะ

สล็อตออนไลน์

  1. หัวใจสำคัญ หมั่นบำรุงผิวเป็นประจำไม่ให้ขาด
    การแต่งหน้าและบำรุงผิวหน้าก็สำคัญ สาวญี่ปุ่นให้ความสนใจดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดี เลือกใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ นอกจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ยังใช้สมุนไพรต่างๆ อีกทั้งสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติในท้องถิ่นของตนมาใช้บำรุงและประทินผิวอีกด้วย

ถ้าถามถึงผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นในการทำให้ผิวพรรณสดใสมีสุขภาพดี หลักๆ คือตัวที่ใช้ทำความสะอาดผิว สาวญี่ปุ่นนิยมใช้น้ำมันเช็ดล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางเพราะน้ำมันมีสารบำรุงที่ช่วยคงความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ หลังขั้นตอนล้างหน้าก็ควรเช็ดด้วยโทนเนอร์ที่ช่วยปรับสมดุลผิว แล้วจึงลงเซรั่มบำรุงและครีมที่เหมาะสม

โดยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก็มีให้เลือกมากมายหลายแบรนด์ เช่น คาเนโบ (Kanebo) อิปซ่า (Ipsa) ชิเซโด (Shiseido) โคเซ (Kose) เป็นต้น

jumboslot

  1. ใช้ไอเท็มเสริมไว้ดูแลสุขภาพผิวและคลายร้อน
    นอกจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้ว สาวๆ ญี่ปุ่นก็ใช้พวกสินค้าเสริมความงามต่างๆ อีกด้วย อุปกรณ์เสริมความงามมากมายมีวางจำหน่ายทั่วไปให้สามารถซื้อหามาใช้ได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องนวดหน้า เครื่องนวดตัวที่จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อ ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี หรือจะเป็นแผ่นมาส์กหน้าชนิดต่างๆ ที่ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น บำรุงลึกล้ำ

และยังมีไอเท็มเด็ดๆ อีกหลากหลาย ยิ่งฤดูร้อนด้วยแล้วก็มีไอเท็มคลายร้อนที่น่าสนใจออกมาเอาใจกันมากมาย เช่น แผ่นแปะเพิ่มความเย็นตามจุดต่างๆ ของร่างกาย สามารถพกพาและหยิบมาใช้ได้สะดวก หรือสเปรย์เพิ่มความเย็นสดชื่นที่ฉีดตรงไหนก็ทำให้เย็นตรงนั้น เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มสไตล์ญี่ปุ่นที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

slot

  1. แช่น้ำร้อนหรือออนเซ็น ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าและบำรุงผิว
    เคล็ดลับดีๆ เพื่อผิวสวยอีกอย่างที่พลาดไม่ได้คือการแช่น้ำร้อนน้ำแร่ ไม่ว่าจะเป็นการแช่น้ำร้อนที่บ้านหรือการไปแช่ออนเซ็น การแช่น้ำร้อนนั้นช่วยขจัดของเสียและสารพิษภายในร่างกาย กระตุ้นการหมุนเวียนโลหิต ทำให้สุขภาพผิวดี แร่ธาตุในน้ำมีคุณสมบัติที่ช่วยเกี่ยวกับผิวหนัง มีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนัง อาการแพ้ต่างๆ ช่วยให้ผิวเนียน นุ่มลื่น ผุดผ่อง สาวๆ ญี่ปุ่นจึงชอบแช่ออนเซ็นเป็นอย่างมาก

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับการบำรุงผิวพรรณสไตล์สาวญี่ปุ่น เพียงแค่เพื่อนๆ ลองทำตามนี้รับรองว่าจะมีผิวพรรณที่สวยจนใครๆ ต้องเอ่ยปากชมกันเลยล่ะ คนญี่ปุ่นจะใส่ใจในทุกๆเรื่องในการดำรงค์ชีวิต

7 จังหวัดที่มีคนไทยอาศัยอยู่มากที่สุดในญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีชาวไทยย้ายไปตั้งถิ่นฐานจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการย้ายไปศึกษาต่อ ไปประกอบอาชีพหรือย้ายตามครอบครัว (ข้อมูลสถิติอ้างอิงจาก https://todo-ran.com/t/kiji/19398) พบว่าทั้ง 47 จังหวัด มีชาวไทยอาศัยอยู่มากน้อยต่างกันไปและหากใครกำลังวางแผนเพื่อย้ายไปอยู่ในญี่ปุ่นก็มีข้อมูลของ 7 จังหวัดที่ชาวไทยอาศัยอยู่มากที่สุดมาฝากดังนี้

  1. โตเกียว (Tokyo)
    โตเกียว (Tokyo) เมืองหลวงของประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต (Kanto) และเป็นศูนย์กลางในทุก ๆ ด้าน ทำให้มีองค์กรธุรกิจตั้งอยู่ที่นี่ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ส่งผลให้มีความต้องการจ้างงานในปริมาณมากและมีชาวไทยที่ไปทำงานในโตเกียวจำนวนมากเช่นกัน

jumbo jili

ถึงแม้จะเป็นเมืองหลวงที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นแต่ในเรื่องของการวางผังเมืองที่อำนวยความสะดวกให้กับการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนก็ถือว่ารองรับทุกความต้องการได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจะเห็นได้ว่าเขตพื้นที่ต่างๆ ของโตเกียว มีบรรยากาศที่หลากหลายแตกต่างกันทั้งแหล่งรวมความทันสมัยอย่างชิบุย่า ชินจูกุ กินซ่า พื้นที่สีเขียวกับสวนสาธารณะก็มีกระจายอยู่ทั้งเมือง ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ ย่านวัฒนธรรมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างที่ เหล่านี้เป็นต้น

  1. จังหวัดชิบะ (Chiba)
    จังหวัดชิบะ (Chiba) ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต (Kanto) และอยู่ไม่ไกลจากโตเกียวมากนัก เปรียบเหมือนเป็นชานเมืองหรือปริมณฑลซึ่งสามารถเดินทางเข้าถึงโตเกียวและจังหวัดรอบๆ ได้อย่างสะดวก อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาตินาริตะ (Narita INTL Airport) ที่คุ้นเคยกันดี สำหรับจังหวัดนี้ก็มีชาวไทยอาศัยอยู่จำนวนมากรองจากโตเกียว เหตุผลหนึ่งก็เพราะเป็นแหล่งที่ตั้งของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่ง ทำให้มีชาวไทยเดินทางมาทำงานรวมทั้งย้ายมาตั้งถิ่นฐานกับครอบครัวรวมทั้งศึกษาต่อด้วย

สล็อต

จุดเด่นของชิบะคือมีบรรยากาศทั้งความเป็นเมืองที่ทันสมัยสะดวกสบาย และในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่เกษตรกรรมและธรรมชาติที่รายล้อมพื้นที่ชนบทบรรยากาศเงียบสงบแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือจะเดินทางไปมาระหว่างชิบะกับโตเกียวก็มีการคมาคมที่สะดวกมากเช่นกัน

  1. จังหวัดอิบารากิ (Ibaraki)
    อิบารากิ (Ibaraki) เป็นจังหวัดหนึ่งในภูมิภาคคันโต (Kanto) ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาคและอยู่ห่างจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟมีเมืองมิโตะ (Mito) เป็นเมืองเอกและเป็นจังหวัดที่มีชาวไทยไปตั้งถิ่นฐานอยู่จำนวนมาก บรรยากาศในภาพรวมของอิบารากิเรียกว่าเป็นเมืองใหญ่และจุดศูนย์กลางความเจริญต่าง ๆ รวมถึงการคมนาคมเชื่อต่อไปยังพื้นที่อื่น ๆ อย่างสะดวก และในขณะเดียวกันก็มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ อาทิ พื้นที่ชายฝั่งทะเล ภูเขา น้ำตก ทะเลสาบ ประชากรมีหลากหลายอาชีพทั้งด้านอุตสาหกรรม การเกษตรและการประมง ทำให้เป็นเหตุผลที่มีชาวไทยมาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อประกอบอาชีพและใช้ชีวิตกับครอบครัว

ทางด้านจุดเด่นเรื่องการท่องเที่ยวที่อิบารากิก็มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอยากสวนฮิตาชิซีไซด์ปาร์ค (Hitachi Seaside Park) ซึ่งมีดอกไม้หลากสีสันให้ชมทุกฤดูกาล

สล็อตออนไลน์

  1. จังหวัดคานากาวะ (Kanagawa)
    คานากาวะ (Kanagawa) ถ้าเอ่ยชื่อจังหวัดนี้อาจจะไม่คุ้นหูกันนักแต่ถ้าบอกว่าเมืองเอกของจังหวัดนี้คือ “โยโกฮามา” (Yokohama) เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักและเคยไปเที่ยวกันมาแล้วเพราะที่นี่คือเมืองท่องเที่ยวใกล้โตเกียวซึ่งมีบรรยากาศของเมืองท่าอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้มีทิวทัศน์น่าอยู่ มีการคมนาคมที่สะดวกสบายและเข้าถึงโตเกียวหรือจะเดินทางไปภูมิภาคอื่นๆ ได้ไม่ยาก และด้วยความเป็นเมืองท่าเรืออุตสาหกรรมจึงมีเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การลงทุนรวมทั้งเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ มีผู้คนเดินทางมาทำงานและอาศัยอยู่จังหวัดนี้จำนวนมากรวมทั้งชาวไทยที่เดินทางไปทำงาน ไปเรียนต่อหรือไปตั้งถิ่นฐานกับครอบครัวที่จังหวัดนี้ด้วย

นอกจากจะมีโยโกฮามาเป็นเมืองเอก ก็ยังมีสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ วัฒนธรรมที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น คามาคุระ (Kamakura) ฮาโกเนะ (Hakone) เป็นต้น

  1. จังหวัดไซตามะ (Saitama)
    ไซตามะ (Saitama) อีกหนึ่งจังหวัดในภูมิภาคคันโต (Kanto) ที่เป็นปริมณฑลของโตเกียวซึ่งสามารถเดินทางระหว่างเมืองได้อย่างสะดวก เป็นจังหวัดที่มีทั้งความเจริญในเมืองใหญ่ เป็นศูนย์กลางการเดินทางสู่โตเกียวและจังหวัดอื่นๆ ในภูมิภาค รวมทั้งมีเมืองที่น่าสนใจกับบรรยากาศที่หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักเป็นอย่างดี เช่น เมืองโบราณคาวาโกเอะ (Kawagoe), ชิชิบุ (Chichibu) , เมืองโอมิยะ (Omiya) ที่มีชื่อเสียงเรื่องบอนไซ เป็นต้น

jumboslot

สำหรับชาวไทยที่อาศัยอยู่ในจังหวัดไซตามะ ก็มีจำนวนมากติดอันดับต้น ๆ ซึ่งการมาตั้งถิ่นฐานในเมืองนี้ก็มีข้อดีในเรื่องการใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย ค่าครองชีพไม่สูงเท่าเมืองหลวงอย่างโตเกียวและมีพื้นที่สาธารณะให้ได้ไปท่องเที่ยวผ่อนคลายในวันหยุดหลากหลายรูปแบบด้วย

  1. จังหวัดไอจิ (Aichi)
    ไอจิ (Aichi) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคชูบุ (Chubu) หรือภาคกลางของญี่ปุ่น มีเมืองเอกซึ่งถือว่าเป็นเมืองศูนย์กลางของภูมิภาคนั่นคือนาโกย่า (Nagoya) เมืองอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีชาวไทยมาอาศัยอยู่ที่นี่จำนวนมากทั้งมาทำงาน มาเรียนต่อและย้ายถิ่นฐานตามครอบครัว

จุดเด่นของนาโกย่าคือการเป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในทุกๆ ด้าน มีสนามบินนานชาติประจำภูมิภาคตั้งอยู่ที่นี่และการเดินทางเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นๆ ก็มีความสะดวกสบาย และถึงแม้จะมีความเจริญทางอุตสาหกรรมสูงแต่ก็ยังมีพื้นที่อนุรักษ์ทางประวัติศาสตร์ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีพื้นที่ชนบทที่ผสมผสานกับความเป็นเมืองอย่างลงตัวรวมถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายและที่สำคัญคือการเป็นเมืองที่เติบโตทางด้านการศึกษาและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์กับเทคโนโลยีทุกแขนงด้วย

slot

  1. จังหวัดโอซาก้า (Osaka)
    โอซาก้า (Osaka) จังหวัดที่ถือได้ว่าเป็นศูนย์ของของภูมิภาคคันไซ (Kansai) และเป็นที่เติบโตทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากโตเกียว มีชาวไทยจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในจังหวัดโอซาก้าซึ่งมีทั้งแหล่งงานด้านอุตสาหกรรมหลายประเภท สถานศึกษาทุกระดับ ตลอดจนชาวไทยที่ย้ายถิ่นฐานมาอยู่กับครอบครัว

บรรยากาศของโอซาก้าให้ความรู้สึกคล้ายเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคที่เป็นศูนย์กลางความเจริญทุกด้าน ตั้งแต่การคมนาคมขนส่งซึ่งสามารถเดินทางข้ามภูมิภาคด้วยรถไฟความเร็วสูงได้อย่างสะดวกสบาย มีจุดเด่นในเรื่องแหล่งวัตถุดิบด้านอาหารจนทำให้ได้รับสมญานามว่า ครัวของชาติ (Tenka no Daidokoro) ดังนั้นหากมาอาศัยอยู่ที่นี่เรื่องอาหารการต้องบอกว่าอุดมสมบูรณ์อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีย่านการค้า แหล่งช้อปปิ้งและแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงหลายแห่งด้วย คนญี่ปุ่นชอบท่องเที่ยวและถือเป็นวัตธนธรรมกันสืบมา