เคล็ดลับ 6 อย่างในการช็อปปิ้งที่ญี่ปุ่น

ช็อปปิ้งที่ญี่ปุ่นต้องช็อปอย่างไรถึงจะดี รวมเรื่องราวน่ารู้ในการช็อปปิ้งที่ญี่ปุ่น!!

  1. ไปแต่เช้า
    ร้านค้าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นเปิดทำการในช่วง 10.00-11.00น. แต่ในความเป็นจริงแล้วร้านค้าหรือย่านการค้าที่มีชื่อเสียงส่วนมาก มักจะมีลูกค้ามาเข้าคิวยาวเหยียดตั้งแต่เช้าตรู่เลยทีเดียว อาทิเช่น ตลาดปลาสึคิจิ เรียกได้ว่าใครมาก่อนได้ก่อน ถ้าใครไม่อยากเสียเวลาช็อปปิ้งที่เหลือไปกับการเข้าแถวนานๆ ขอแนะนำให้ไปเข้าคิวแต่เช้าเลยจ้า

jumbo jili

  1. อย่ากลัวที่จะถาม
    ในญี่ปุ่นร้านค้าส่วนใหญ่อยากให้ลูกค้าผ่อนคลายในเวลาเดินเลือกซื้อของ พนักงานจึงไม่ค่อยเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเราเท่าไรหากเราไม่เป็นฝ่ายเรียกเอง ถ้ามีปัญหาหรือสงสัยเกี่ยวกับสินค้าอย่ากลัวที่จะถาม เพราะเขายินดีและเต็มใจที่จะช่วยเราเสมอ

สล็อต

นอกจากศูนย์การค้าใหญ่ๆในโตเกียวแล้ว อย่าคาดหวังว่าร้านค้าทั่วไปจะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ อย่างไรก็ตาม เราสามารถใช้ภาษาท่าทาง หรือแอพแปลภาษาเพื่อใช้ในการสื่อสารกับพนักงานได้

  1. ไซส์ไม่เท่ากันนะ
    เสื้อผ้าหรือรองเท้าบางร้านในญี่ปุ่นอาจจะไซส์แตกต่างกับที่ไทย อย่ากลัวที่จะขอพนักงานเพื่อลองเสื้อผ้าหรือขอรองเท้าเบอร์ที่ใหญ่ขึ้น

สล็อตออนไลน์

  1. ต่อราคา
    ประเทศญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมในการต่อราคา อย่างไรก็ตามที่ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือตลาดนัดบางแห่งอาจจะสามารถต่อราคาได้นิดหน่อย แต่โดยทั่วไปแล้ว ราคาที่ป้ายมักจะเป็นราคาจริง
  2. สินค้าที่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์
    สินค้าบางชนิด อาทิเช่นคอนแทคเลนส์ รวมถึงสินค้าตามร้านขายยาต่างๆนั้นไม่สามารถซื้อได้หากไม่มีใบรับรองจากแพทย์

jumboslot

  1. ส่งของกลับประเทศ
    เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเจอปัญหาซื้อของมามากเกินไปแล้วแบกกลับไปไม่ไหว อยากจะใช้บริการส่งสินค้าข้ามประเทศ บริการส่งไปโรงแรมหรือสนามบิน ก็มีเพียงทร้านในห้างสรรพสินค้าบางร้านเท่านั้นที่มี ดังนั้นขอให้คิดอยู่เสมอว่าคุณจะต้องแบกของฝากทั้งหมดกลับไปด้วยตัวเอง ยังไงอย่าลืมคำนวณน้ำหนักไม่ให้เกินที่สามารถแบกกลับไปได้ด้วยล่ะ ไม่งั้นอาจต้องเสียเพิ่มอ่วมเลย

slot

Extra: เพลงปิดร้าน
เพลง “Hotaru no Hikari” หรือที่แปลว่า “แสงหิ่งห้อย” เป็นเพลงญี่ปุ่นที่แปลงมาจากเพลง “Auld Lang Syne” ซึ่งทำนองของเพลงนี้ เราคนไทยมักจะรู้จักกันดีในชื่อ “สามัคคีชุมนุม” ร้านค้าในประเทศญี่ปุ่นจะเปิดเพลงนี้ในช่วงประมาณ 10 นาทีสุดท้ายก่อนปิดร้าน ดังนั้นหากได้ยินเพลงนี้ตอนกำลังช็อปอยู่ละก็ เป็นสัญญาณว่าควรรีบไปจ่ายเงินนั่นเอง! การช็อปของเขาถือเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก

7 ร้านร้อยเยนเล็กๆ ที่ห้ามมองข้าม

ร้านร้อยเยนที่บางทีก็เก๋และดีจนมองแค่ภายนอกไม่รู้หรอกว่าร้อยเยน ขอเตือนว่าอย่ามองข้ามเพราะของเขาดีจริงๆ เหมาะกับการใส่ไว้ในตารางเที่ยววันท้ายๆ จะได้กำจัดเศษเหรียญ แค่ระวังอย่าช้อปเกินจนเก็บกระเป๋ากลับไม่ได้เพราะน้ำหนักเกินเท่านั้นแหละ!

jumbo jili

  1. Realize
    Realize เป็นร้านร้อยเยนที่เป็นเจ้าถิ่นของ Osaka เพราะถ้าพูดถึงร้านร้อยเยนใน Osaka แล้วล่ะก็ ร้านนี้ดังกว่าใครๆ ที่นี่จะเน้นของที่มีไอเดียดีๆ เรียกว่ารวมสินค้าร้อยเยนแบบที่เราอยากได้มานานแล้วทำไมพึ่งจะมาเจอ!
  2. NATURAL KITCHEN
    NATURAL KITCHEN ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเน้นเครื่องครัวเป็นหลัก แต่ว่าเป็นเครื่องครัวแบบเก๋ๆ ต่างจากร้านร้อยเยนทั่วไป อย่างช้อนหรือชามที่ทำจากไม้ต่างๆ ตะเกียบและจานดินเผาของที่นี่ก็น่ารักน่าซื้อไป

สล็อต

หมด ของในร้านส่วนใหญ่จะราคา 100 เยน (+ภาษี) แต่บางชิ้นถ้าใหญ่ๆ ก็จะราคา 300 เยน แต่ว่ายังไงก็ถูกอยู่ดีน่ะ

  1. KitchenKitchen
    KitchenKitchen เป็นอีกร้านคู่แข่งของ NATURAL KITCHEN ที่มีคอนเซ็พท์คือ มาแต่งบ้านให้เป็นสไตล์คาเฟ่เก๋ๆ กันเถอ (แถมราคาถูกด้วย) โดยเน้นไปที่ทั้งของแต่งบ้านและเครื่องครัวสไตล์ natural คือทำจากไม้ต่างๆ ดูอบอุ่นและเก๋ไก๋น่าซื้อไปซะหมด

สล็อตออนไลน์

  1. Orange Terra
    Orange Terra เป็นร้านร้อยเยนที่เน้นขายถ้วยชามและเครื่องครัวเล็กๆ สไตล์ natural ที่สาวๆ เห็นแล้วอดใจไม่อยู่เพราะน่ารักน่าซื้อไปเสียหมด นอกจากนี้ร้านนี้ก็ยังนิยมไปตั้งอยู่ในย่านช้อปปิ้งเก๋ๆ ของวัยรุ่นอีกต่างหากแต่รับรองว่าคุณภาพเกินร้อย
  2. Vita
    Vita มีคอนเซ็พท์คือ Simple & Natural จริงๆ แล้วในร้านมีสินค้าสามราคา คือ 105, 210 และ 315 เยน โดยจะเน้นของที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เน้นดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ก็เหมาะกับทุกบ้าน นอกจากนี้

jumboslot

ก็ยังมีต้นไม้และอุปกรณ์ทำสวนต่างๆ ขายมากกว่าร้านร้อยเยนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน

  1. Lawson Store 100
    Lawson Store 100 เป็นร้านร้อยเยนในเครือ Lawson ที่เน้นขายวัตถุดิบในการทำอาหาร แน่นอนว่าในราคาชิ้นละ 100 เยนเท่านั้น (+ภาษี) ซึ่งที่ราคาถูกนั้นไม่ใช่เพราะนำของไม่ดีหรือของไม่สดมาขาย แต่ของส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กขนาด 1-2 คนกิน ฉะนั้นจัดว่าพอดีกับคนที่อยู่คนเดียวหรือต้องการใช้ในปริมาณน้อยพอดี จะได้ไม่ต้องเหลือทิ้ง

slot

  1. Daikoku Drug
    Daikoku Drugs เป้นร้านร้อยเยนที่รวมภาษีแล้ว แปลว่านั่นคือของทุกชิ้นราคา 100 เยนถ้วนๆ จริงๆ ถึงจะบอกว่าเป็น Daikoku Drugs ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นร้านขายยา แต่เป็นร้านของขายกระจุกกระจิกในราคา 100 เยนเพียงแต่เป็นร้านของ Daikoku Drugs ก็เลยใช้ชื่อเดียวกันเท่านั้นเอง ร้านนี้จะเน้นขายพวกของใช้ในชีวิตประจำวัน เครื่องดื่ม ขนมต่างๆ เป็นหลัก หลายสิ่งที่ทำให้ประหยัดชึ่งก็เป็นที่นิยมมาก

ทำไมแม่บ้านชาวญี่ปุ่นถึงเย็นชา

วันนี้แม่บ้านจะมาเม้าท์มอยครอบครัวชาวญี่ปุ่นกันค่ะ ต้องเกริ่นไว้ก่อนนะคะว่าสภาพโครงสร้างครอบครัวที่จะเล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครอบครัว เป็นแค่ส่วนหนึ่งในญี่ปุ่น และเกิดขึ้นในยุคพ่อแม่ของเรา (สามีอายุ 50 ขึ้นไป) ครอบครัวญี่ปุ่นสมัยใหม่เปลี่ยนไปมากแล้วค่ะ ถ้าพร้อมเผือกแล้วจะเล่าให้ฟังค่ะ

ตอนอยู่ไทยก็มักจะได้ยินผู้ชายญี่ปุ่นวัยกลางคนใหญ่มีตำแหน่งสูง เช่น ผู้จัดการโรงงานที่มาทำงานในประเทศไทย บ่นให้ฟังบ่อย ๆ ว่าเค้าอ่ะนะ เป็นได้แค่ ATM หรือตู้กดเงินของภรรยาเท่านั้นแหละ แต่ก่อนก็ฟังเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น ได้เห็นสภาพสังคม พูดคุยกับบรรดาแม่บ้านที่ลูก ๆ โตกันไปหมดแล้วก็สรุปได้ดังนี้

jumbo jili

1 ) ผู้ชายญี่ปุ่นถูกสั่งสอนให้ทำงานนอกบ้าน
ส่วนผู้หญิงเมื่อแต่งงานก็ต้องออกจากงาน หรือถูกบังคับให้ออกจากงาน มาทำงานบ้านและเลี้ยงลูก ถูกบังคับหมายถึงการถูกกดดันจากบริษัทให้ลาออก เพราะสมัยก่อนการลาไปคลอดลูกและกลับมาทำงานเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ทำให้ผู้หญิงที่อยากทำงานรู้สึกเครียดและกดดัน หลาย ๆ ครั้งอุปสรรคไม่ได้มาจากภายนอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คนในบ้านอย่างสามีก็อยากให้ภรรยาอยู่แต่ในบ้านเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้แม่บ้านหลายคนเสียใจ สามีก็ไม่เข้าใจ บริษัทก็ไม่ให้โอกาส เกิดความรู้สึกด้อยค่าเมื่อไม่ได้ทำงานหรือทำตามความฝันของตน แต่ปัจจุบันรัฐบาลพยายามจัดการให้ผู้หญิงที่ลาคลอดสามารถกลับมาทำงานได้

สล็อต

2 ) ไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ต่อเนื่องจากข้อ 1 ผู้ชายญี่ปุ่นแยกหน้าที่กับภรรยาชัดเจน ดังนั้นจะถือว่างานบ้านและการเลี้ยงลูกเป็นหน้าที่ของภรรยา พ่อบ้านชาวญี่ปุ่นจึงไม่ค่อยช่วยเหลือดูแลลูกอย่างพ่อบ้านประเทศอื่นๆ บวกกับการทำงานในประเทศญี่ปุ่นที่เคร่งเครียด ทำเกินเวลา (โดยบางทีไม่ได้ค่า O.T.) ทำให้พ่อบ้านเหนื่อยล้า เมื่อกลับบ้านไม่มีแรงเล่นหรือดูแลลูก ทำให้ภรรยาต้องดูแลลูกแทบจะ 24 ชั่วโมง ไม่มีเวลาส่วนตัว จึงทำให้เกิดความเครียดทั้งต่อตนเองและความสัมพันธ์สามี – ภรรยา

สล็อตออนไลน์

3 ) จากเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่
จากข้อ 2 สามีไม่พยายามเข้าใจและไม่ค่อยช่วยเหลือภรรยา แม่บ้านหลายคนหลังคลอดลูกได้กลับบ้านแทนที่จะมีความสุข กลับถูกต่อว่าเรื่องอาหารที่รสชาติแย่ลง หรืองานบ้านที่ทำไม่เนี้ยบ ไม่สะอาดเท่าเดิม ทำให้ภรรยารู้สึกน้อยใจหรือเสียใจ เกิดการสะสมความเครียด บางคนถูกเคยถูกสามีต่อว่า ว่าทำไมลูกร้องไม่หยุด? ทำพูดที่เสียดแทงจิตใจเล็กๆ น้อยๆ ทำให้กลายเป็นความเย็นชา ได้แต่ประคับประคองครอบครัวจนลูกโต หมดหน้าที่ ก็ไม่สนใจสามีในที่สุด

jumboslot

4 ) ไม่รู้ตัวว่าทำร้ายจิตใจกันแค่ไหน
พ่อบ้านมักไม่ค่อยจะรู้ตัวว่าใช้อำนาจในการปกครองครอบครัว การเลี้ยงลูกชายแบบประคบประหงมแบบคนญี่ปุ่นรุ่นก่อนรวมถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนญี่ปุ่นที่ชายเป็นใหญ่ได้บั่นทอนสถาบันครอบครัวจนเหลือเพียงชื่อเรียกแต่สายใยหลายครอบครัวตัดขาดพังทลายหมดแล้ว จึงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นครอบครัวญี่ปุ่นเมื่อมีลูกภรรยามักจะแยกห้องนอนอยู่กับลูก และไม่กลับมานอนกับสามีอีกเลย

slot

5 ) ต่างคนต่างอยู่
เกี่ยวเนื่องจากข้อ 1 – 4 หลังจากเกิดความร้าวฉานในครอบครัว สามีเจ้ากี้เจ้าการ ภรรยาเฉยเมย เมื่อลูกโตเข้ามหาวิทยาลัยย้ายไปอยู่หอ ภายในบ้านก็เหมือนผู้ร่วมชายคากันเฉย ๆ ต่างคนต่างอยู่ต่างทำธุระของตน ส่วนสามีถ้าได้มีโอกาสทำงานในต่างประเทศก็จะพบว่ามีเรื่องชู้สาวมากมาย

อย่างที่เรา ๆ เห็นกันทั้งในกรุงเทพฯ และชลบุรี สแน็คบาร์ (ร้านนั่งดื่มตอนกลางคืนที่มีเป้าหมายเป็นกลุ่มชายญี่ปุ่นกลางคน) ผุดขึ้นกันเป็นดอกเห็ด สมัยเศรฐกิจรุ่งเรืองเคยเห็นเลี้ยง 7 วัน 7 คนก็มี เวลาภรรยามาเยี่ยมสามีที่ไทยก็ได้นิฮงชู สาเกญี่ปุ่นอยู่บ่อย ๆ เป็นค่าปิดปาก (ฮาาา) บางคนภรรยาไม่เคยมาเยี่ยม แถมช่วงเทศกาลไม่เคยสนใจจะให้สามีกลับบ้าน แค่ส่งเงินไม่ขาดเท่านั้นพอ หลากหลายรูปแบบในญี่ปุ่น

ทำอย่างไรถึงจะได้ไปอยู่ญี่ปุ่นอย่างถาวร

ท่ามกลางกระแสการเมือง คนที่อยาก #ย้ายประเทศ หรือไปทำงานต่างประเทศ รู้มั้ยว่ายากยังไง มีโอกาสทำได้จริงมั้ย บทความนี้มีคำตอบ
ความช่วยเหลือเร่งด่วนสำหรับผู้ลี้ภัย
ไม่ว่าคุณจะอยากไปอยู่ที่อื่น เพราะเหตุผลเรื่องการเมือง เรื่องประเทศไม่พัฒนา หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่มีปัญหาครับ อ่านบทความนี้แล้วน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย แต่ว่า บทความนี้เน้นพูดถึงการไปอยู่ญี่ปุ่นด้วยวีซ่าที่เกี่ยวข้องกับการ แต่งงาน ทำงาน เป็นหลักนะครับ ไม่ใช่วีซ่าผู้ลี้ภัย

ถ้าบังเอิญคุณเป็นคนที่ต้องการลี้ภัยทางการเมืองจริงๆ แต่หลงมาที่เพจนี้ เราช่วยอะไรไม่ได้นะ ลองติดต่อองค์กรอื่นๆเช่นสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เป็นต้น บทความนี้เหมาะกับคนที่โอเคกับการไปเรียนหรือทำงาน และไม่ได้ต้องการหนีจากเมืองไทยอย่างเร่งด่วนครับ
หากต้องการความช่วยเหลือลี้ภัยเร่งด่วน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านการเมืองหรืออะไรก็ตาม โปรดติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครับ

jumbo jili

ถามตัวเองก่อนว่า ทำไมคุณถึงอยากหนีไปให้มันไกลๆ
ถามตัวเองก่อนว่าทำไมเราถึงอยากหนีจากเมืองไทย ไปให้ไกลเกินกว่าที่ฉันเคยไป

ตอนนี้เมืองไทยแม้จะมีปัญหาใหญ่ทางด้านการเมือง ที่ช่วงนี้หลายคนคงจะอีดอัดและไม่พอใจเอามากๆ แต่ก็ต้องยอมรับเรื่องนึงคือ ชีวิตเรายังไม่ได้แย่เหมือนผู้ลี้ภัยที่หนีตายจากสงครามหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ พูดง่ายๆคือคน 99% ที่อ่านบทความนี้ ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย และคงจะไม่มีวันได้สถานะผู้ลี้ภัยนะครับ (และยังไม่นับว่า ญี่ปุ่นแทบไม่เปิดรับผู้ลี้ภัยทางการเมือง)

การจะไปอยู่ต่างประเทศไม่ว่าจะญี่ปุ่นหรือประเทศอื่น ควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนเพราะว่าเป็นการลงทุนเงินและเวลาจำนวนมากที่อาจไม่ได้อะไรกลับคืนมาครับ ไม่ใช่ว่าการเมืองมันแย่ คนมันแย่ รถมันติด แล้วจบ ผมเข้าใจว่าประเทศไทยเรามีปัญหาหลายเรื่อง แต่เพื่อตัวของเราเอง เราก็ควรจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนด้วยว่าจะไปทำอะไร เช่นไปเรียนหรือทำงานเก็บประสบการณ์ ไปถาวรหรือไปชั่วคราว เป็นต้น

สล็อต

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวของคุณเองครับ
ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นได้มั้ย
คำตอบสั้นๆ คือ ได้ ครับ

มีคนมากมายที่แต่งงานกับคนญี่ปุ่น หรือทำงานที่ญี่ปุ่น โดยไม่รู้ภาษาหรือรู้เพียงเล็กน้อย โดยกฏหมายหรือเงื่อนไขของวีซ่า จริงๆ แล้ว ไม่มีการกีดกันคนโดยใช้เกณท์ทางภาษานะครับ คนที่มีวีซ่าที่ได้มาจากการทำงานหรือแต่งงานในญี่ปุ่น โดยที่ไม่มีผลสอบภาษาญี่ปุ่นระดับสูงๆ (ที่เรียกกันว่าผลสอบ N1 – N5) นั้นมีอยู่มากมาย
แต่ทั้งนี้

  • การรู้ภาษาญี่ปุ่น หรือการมีผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น จะช่วยให้คุณขอวีซ่าที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ได้ง่ายขึ้นกว่าการที่ไม่รู้หรือไม่มีแน่นอน
  • และการถูกปฏิเสธการออกวีซ่าโดยให้เหตุผลว่า เป็นเพราะผู้ขอวีซ่าไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น นั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน

สล็อตออนไลน์

และแน่นอนว่า การไปอยู่ญี่ปุ่นโดยไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น อาจมีผลกระทบกับคุณภาพชีวิตของคุณแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการโดนคู่แต่งงานเอาเปรียบ เจ้านายเอาเปรียบ บริษัทเอาเปรียบ หรือการใช้ชีวิตประจำวันที่ยุ่งยากกว่าอยู่ที่ไทย แต่ทั้งหมดนี้เป็นผลลัพธ์ที่ต่างกันไปรายบุคคลครับ ถ้าไม่เจอ ถ้าเจอแล้วทนได้ ถ้าคิดว่ายังไงก็ดีกว่าอยู่ไทย ก็ไม่ต้องรู้ภาษาญี่ปุ่นก็ได้ครับ

ตัดสินใจแล้วว่าฉันจะย้ายประเทศ ไปอยู่ญี่ปุ่น “ถาวร” ไม่กลับมาอีกแล้ว
ถ้าตัดสินใจแล้วว่าอยากไปจริงๆก็ไม่มีปัญหา เข้าเรื่องกันดีกว่า การที่คนต่างชาติซักคนจะได้อยู่ญี่ปุ่นแบบ “ถาวร” มีสองวิธีหลักๆ

  1. คือการขอสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งยากมากและมีข้อดีข้อเสียหลายอย่างที่น่ารู้ก่อนจะตัดสินใจ แต่หลักๆผมไม่แนะนำครับ เพราะมีอีกวิธีที่ง่ายกว่า
  2. คือการขอวีซ่าพำนักถาวร หรือที่เรียกกันว่าเอจู (永住権) วิธีนี้เป็นที่นิยมมากกว่าด้วยเหตุผลหลายประการ และของ่ายกว่าอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะทำได้

ทำไมเราถึงไม่แนะนำให้เปลี่ยนสัญชาติเป็นคนญี่ปุ่น
ก่อนอื่น การเปลี่ยนสัญชาติเป็นญี่ปุ่นทำได้ยาก ไม่เป็นที่นิยม และไม่เหมาะสมเอามากๆ กับคนส่วนใหญ่ แต่ทำไมเราถึงมองว่าไม่เหมาะสม??

เนื่องจากญี่ปุ่นไม่อนุญาติให้ถือสองสัญชาติ คนที่จะเปลี่ยนสัญชาติเป็นญี่ปุ่นถาวรจึงต้องสละสัญชาติไทย กลายเป็นพลเมืองญี่ปุ่น ใช้พาสปอร์ตญี่ปุ่น มีสิทธิ์เลือกตั้งในญี่ปุ่น ซึ่งบางเรื่องก็เหมือนจะเป็นเรื่องดีเช่นพาสปอร์ตญี่ปุ่นที่สะดวกมากๆสำหรับคนที่ไปต่างประเทศบ่อยเพราะสามารถเข้าได้หลายประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า

jumboslot

แต่การสละสัญชาติไทยไม่ได้เหมาะสมกับทุกคน โดยเฉพาะคนไทยแท้ๆทั่วไปที่ไม่ได้มีครอบครัวอยู่ที่ญี่ปุ่น เพราะจะเสียสิทธิ์ทุกอย่างในฐานะประชาชนไทย หากคิดจะกลับไทยในอนาคตจะเป็นการมาในฐานะคนญี่ปุ่นคนหนึ่งที่แวะมาอยู่ที่ไทยระยะยาว ไม่ใช่คนไทย การดำเนินการทางกฏหมายต่างๆ เช่นการถือครองทรัพย์สิน บ้าน รถ จะลำบากกว่าคนไทย และก็ยังมีปัญหาเรื่องวีซ่าและเอกสารเพิ่มเติมขึ้นมา (ที่คนไทยปกติไม่ต้องเจอแต่คนต่างชาติในไทยต้องเจอ)

คนที่สละสัญชาติไทยเพื่อรับสัญชาติญี่ปุ่นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มั่นใจว่าสามารถอยู่ญี่ปุ่นได้ตลอดชีวิตโดยไม่เดือดร้อน เช่นวัยรุ่นที่เกิดมาเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น มีบ้านและครอบครัวอยู่ที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว เป็นต้น ถ้าคุณเป็นคนที่เหมาะกับการขอสัญชาติญี่ปุ่นมากกว่าการขอวีซ่าถาวรเชื่อว่าคงไม่จำเป็นต้องมาอ่านบทความนี้แต่แรก เพราะพ่อหรือแม่ชาวญี่ปุ่นของคุณคงกำลังทำเรื่องให้อยู่แล้ว
เพื่อประหยัดเวลาเราจึงขอข้ามไปเรื่องวีซ่าทำงานและการอัพเกรดเป็นวีซ่าถาวร ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับคนไทยแท้ๆที่อยากมาทำงานยาวๆที่ญี่ปุ่น

การขอวีซ่าทำงานในญี่ปุ่น
ถ้าหากคุณอยากได้วีซ่าพำนักถาวรก่อนอื่นต้องทำยังไงล่ะ?? คำตอบคือ ต้องเริ่มจากการได้วีซ่าประเภทอื่นก่อน เช่นวีซ่าทำงาน

slot

ในทางเทคนิค การหางานแปลว่าเราจะได้วีซ่าทำงาน ไม่ได้แปลว่าจะได้วีซ่าอยู่ถาวรทันที หลายคนอาจจะเข้าใจผิดแต่ว่านี่เป็นสองสิ่งที่ไม่เหมือนกัน วีซ่าทำงานเป็นวีซ่าระยะยาวแต่ก็ยังไม่ถาวร เหมือนกับสิ่งที่เรียกว่าเวิร์คเพอร์มิตในหลายๆประเทศ แต่การหางานก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ดีเพราะตราบใดที่เรามีงานทำมีสังกัดอยู่กับบริษัทในญี่ปุ่น เราก็จะสามารถต่อวีซ่าเพื่อทำงานให้บริษัทนั้นๆต่อไปได้เรื่อยๆโดยแทบไม่ต้องกังวลว่าจะต่อไม่ได้ หากได้งานกับบริษัทในญี่ปุ่นและได้รับวีซ่าครั้งหนึ่งแล้ว โอกาสต่อวีซ่าครั้งต่อไปไม่ได้นั้นแทบจะไม่มี หากยังอยู่บริษัทเดิม ไม่ได้ถูกไล่ออกหรือว่าเปลี่ยนงาน

สิ่งที่ต้องมีก็คือบริษัทที่ญี่ปุ่นที่จะรับเราเข้าทำงาน และเอกสารต่างๆที่ยืนยันได้ว่าเราจะมีงานทำจริงๆ เช่นสัญญาว่าจ้างเป็นต้น และอีกเรื่องก็คือตัวบริษัทเองก็ต้องมีความเหมาะสมเช่นเป็นบริษัทที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาติถูกต้องเป็นต้น

การทำวีซ่าในตัวของมันเองไม่ใช่เรื่องยาก มีขั้นตอนชัดเจน มีเอกสารที่ต้องใช้ชัดเจน หากถึงเวลาลงมือทำจริงๆ เอกสารหลายๆอย่างสามารถขอให้บริษัทที่จะจ้างเราช่วยออกให้ได้ แต่สิ่งที่ยากจริงๆคือการหางานในญี่ปุ่นมากกว่า ญี่ปุ่นเมืองน่าอยู่ มีหลายๆสิ่งที่น่าสนใจ