โปรเจค Aave กลายเป็นตัวที่สองบน DeFi ที่สามารถแซงหน้า Maker ได้

โปรเจค Aave กลายเป็นตัวที่สองบน DeFi ที่สามารถแซงหน้า Maker ได้

jumbo jili

โปรโตคอลด้านการกู้ยืมบนแพลทฟอร์ม decentralized finance ( DeFi) ที่ชื่อว่า Aave ดูเหมือนว่าจะแตะอันดับหนึ่งในด้านจำนวนเม็ดเงินที่ถูกล็อคไว้ (TVL) แล้ว โดยแซงหน้าคู่แข่งอย่าง MakerDAO ไปเป็นที่เรียบร้อย

สล็อต

โดยค่า TVL ของ Aave นั้นได้พุ่งแตะ 1.45 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.56 หมื่นล้านบาท อ้างอิงจาก DeFi Pulse ในขณะเดียวกันค่า TVL ของ MakerDAO นั้นอยู่ที่ราว ๆ 1.44 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น
Aave นั้นถือเป็นโปรเจคที่สองที่สามารถเอาชนะ MakerDAO ได้ โดยเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน แพลทฟอร์ม Compound นั้นได้เอาชนะ DAI หรือผู้ออกเหรียญ stablecoin ไป โดยมีเม็ดเงินราว ๆ 500 ล้านดอลลาร์ที่ถูกล็อคไว้บนแพลทฟอร์มดังกล่าว หากเทียบกับของ MakerDAO ในตอนนั้นที่ 486 ล้านดอลลาร์
กระแสการทำ yield farming นั้นกำลังมีความบ้าคลั่งอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ค่า TVL เกือบทั้งหมดของ DeFi นั้นได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงไปแตะ 6.9 พันล้านดอลลาร์ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จำนวนของมันอยู่ที่แค่ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น โดยก่อนหน้านี้บริษัทด้านการวิเคราะห์ชื่อดัง Block Research ได้ออกมารายงานว่า TVL นั้นไม่ถือเป็นตัวชี้วัดสำหรับ DeFi ที่ดี แต่พวกเขาแน่นำให้ใช้ Open Finance Index ของ The Block ที่มีการนำเอาตัวแปรด้านอื่น ๆ อย่างเช่นโวลุมบนเว็บเทรดบนตลาดเทรดแบบ decentralized เข้ามาวิเคราะห์ด้วย ซึ่งจะทำให้เห็นภาพได้ง่ายมากขึ้น
การมาวิ่งอันดับหนึ่งของ Aave นั้นดูเหมือนว่าจะมีขึ้นหลังจากที่พวกเขาได้รับใบอนุญาต Electronic Money Institution (EMI) จากรัฐบาลอังกฤษ ทำให้ทาง Aave สามารถให้บริการด้านการออกเงินดิจิทัลทางเลิอกได้ และรวมถึงให้บริการด้านการจ่ายเงินได้อีกด้วยเช่นกัน
นาย Clem Chambers ซีอีโอของ ADVFN ได้เปลี่ยนมุมมองด้านราคาที่มีต่อ bitcoin จากเป็นกระทองจนสุดขั้ว มาตอนนี้กลายเป็นหมีจนสุดขั้ว โดยเขาเชื่อว่าราคาของเหรียญ BTC นั้นจะร่วงลงเหลือ $10,000 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรราคา BTC มีแนวโน้มที่จะทำซ้ำในประวัติศาสตร์
โดยอ้างอิงจากการให้สัมภาษณ์กับ Stansberry Research นั้นก่อนหน้านี้ในปี 2018 นาย Chambers คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin จะวิ่งกลับไปที่ 20,000 ดอลลาร์ และเสริมว่าหาก “กลไกการตลาดของสินทรัพย์ยังคงเป็นไวรัล” ราคาอาจไปถึง 200,000 ดอลลาร์ หรือแม้แต่ 2 ล้านดอลลาร์ แต่สำหรับตอนนี้แนวคิดของเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดยเขากล่าวว่าตลาดนั้นกำลังเป็นขาลงอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ตอนที่ราคา “วิ่งไปแตะจุดสูงสุด”
เขาเชื่อว่าราคาของ BTC นั้นจะร่วงไปหาระดับ 20,000 ดอลลาร์ก่อนในอนาคตอันใกล้ และมองว่ามันอาจร่วงลงไปแตะระดับ 10,000 ดอลลาร์ต่อหลังจากนั้น ซึ่งถือเป็นการร่วงที่รุนแรงอย่างมากหากเกิดขึ้นจริง
เขากล่าวว่าความเห็นส่วนตัวของเขานั้นมีมาจากการที่กราฟ bitcoin ทำ “รูปแบบเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” โดยก่อนหน้านี้เขามองว่ารูปแบบการขึ้นของราคาในปี 2011, 2015, 2017 และในปี 2021 bitcoin ถือเป็นช่วงขาขึ้นของราคาที่เกิดหลังการ halving ซึ่งมัน “ขึ้นอย่างจรวด แล้วก็ลงมาอย่างก้อนหิน”
เมื่อมันตกลงมาเหมือนก้อนหิน เขากล่าวว่า มันอยู่ที่ “ประมาณสองเท่า” ของระดับต่ำสุดของขาลงก่อนหน้า โดยครั้งก่อนหน้านี้เขาได้ทำนายว่าจุดต่ำของราคาโดยเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่าตอนนี้จะถึงจุดต่ำสุดที่ 10,000 ดอลลาร์

สล็อตออนไลน์

เขากล่าวว่าหากนักลงทุนสถาบันไม่เข้ามาในตลาดครั้งนี้ ราคาอาจจะทำจุดสูงสุดแค่ที่ 40,000 ดอลลาร์ และอาจจะไปไม่ถึง 60,000 ดอลลาร์ อย่างแน่นอน โดยเขากล่าวว่า
“ขั้นตอนการเป็นไปของมันตอนนี้เหมือนกันทุกประการ ผมเคยคาดการณ์การเพิ่มขึ้นของราคาเพราะจุดเริ่มต้นของการเพิ่มขึ้นครั้งที่แล้วเหมือนกับจุดเริ่มต้นของการเพิ่มขึ้นครั้งล่าสุด ผมพูดว่า ‘ดูสิ มันเป็นรูปแบบเดิมอีกแล้ว มันจะทะลุหลังคา’… เกือบจะเหมือนกับว่าคุณมีกราฟจากนักเดินทางผ่านห้วงเวลามาอยู่ตรงหน้าคุณ”
เขาคาดว่าขาลงของตลาดคริปโตนั้นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อีกด้วย โดยเฉพาะราคา bitcoin อาจลดลงต่ำกว่าห้าหลักก่อนที่รายย่อยจะยอมจำนนและขายทิ้งไป ในขณะเดียวกัน Ethereum อาจลดลงเหลือ $800 ถึง $900 เป็นระยะเวลานานก่อนที่จะฟื้นตัว
นาย Chambers กล่าวว่าขาลงของ crypto นั้น “มาถึงแล้ว” และหากนักเทรดยังคงถือ position ยาว ๆ “มันก็ยิ่งแย่ลงและแย่ลงไปอีก” สำหรับเขา การลดลงของราคาเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะเขานั้นจะสามารถค่อย ๆ ซื้อเก็บสะสมได้ไปจนกระทั่งถึงการ halving ครั้งถัดไป
เขาตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงขาขึ้นครั้งต่อไปนั้น ราคาของ BTC อาจพุ่งไปแตะ 90,000 ดอลลาร์ก็เป็นได้ แต่ก็ต้องรอดูกันต่อไป
แม้ว่าธนาคารกลางของอินเดียจะยังคงมีท่าทีที่ไม่ชัดเจนต่อสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ดูเหมือนว่าล่าสุดรัฐบาลของประเทศนั้นเริ่มที่จะพิจารณาบังคับใช้กฎเกณฑ์ภาษีใหม่กับเว็บเทรดคริปโตในต่างประเทศแล้ว
โดยรายงานล่าสุดจาก economictimes.indiatimes ระบุว่า เว็บเทรดคริปโตในต่างประเทศอาจต้องเสียภาษีตามกฎเกณฑ์ใหม่ หากพวกเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีลูกค้าที่ใช้บริการจากประเทศอินเดีย
แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีรายงานเว็บเทรดคริปโตที่เสียภาษีในอินเดีย แต่หากข้อเสนอดังกล่าวนี้มีผลบังคับใช้จริง พวกเขาอาจถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงที่ถึง 18%
ในขณะเดียวกันรายงานจากสำนักข่าว Reuters เขียนระบุว่า เว็บเทรดคริปโตในท้องถิ่นยังคงประสบปัญหาใหญ่ในการค้นหาสถาบันการเงินที่เต็มใจทำงานร่วมกับพวกเขา
เนื่องจากธนาคารกลางอินเดียนั้นยังคงปฏิบัติตามนโยบายที่เข้มงวดและมองอุตสาหกรรมนี้ในแง่ลบ แม้ว่าจะมีการยกเลิกคำสั่งห้ามที่ดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม
ในขณะที่รัฐบาลอินเดียกำลังพิจารณาอยู่ว่า พวกเขาควรปฏิบัติตต่อสินทรัพย์สกุลเงินดิจิทัลอย่างไร ธนาคารกลางก็ได้ออกมากล่าวยืนยันแล้วว่า สินทรัพย์เหล่านี้เป็นการเก็งกำไรและมีความเสี่ยงสูง ซึ่งล่าสุดทางผู้ว่าการธนาคารอินเดียกล่าวว่า เขาได้แจ้งความกังวลนี้ไปยังผู้ที่มีอำนาจแล้ว
ราคา Bitcoin ยังคงร่วงลดลงอย่างต่อเนื่องและไม่มีท่าทีที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาแต่อย่างใด โดยราคา Bitcoin นั้นได้ร่วงลงจากระดับ 35,000 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาแค่วันเดียว มาแตะระดับต่ำสุดที่ 32,700 ดอลลาร์ในวันนี้

jumboslot

กราฟจาก TradingView เผยให้เห็นว่าราคา BTCUSDT บนแพลตฟอร์ม Binance นั้นร่วงลงอย่างรุนแรงในช่วงเวลาประมาณ 7 โมงเช้าของวันนี้ โดยร่วงลงจาก 34,000 ดอลลาร์ลงมาอยู่ที่ 32,700 ดอลลาร์
การร่วงลงของราคาในครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นหลังจากตลาดคริปโตทำท่าทางเหมือนกำลังจะฟื้นตัว ท่ามกลางข่าวที่รายงานว่า พ่อมดการเงิน George Soros เริ่มก้าวเข้ามาเทรด Bitcoin
แต่ภายหลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มชุมชนนักลงทุนชาวไทยบน Bitcoin Thai Club จำนวนหนึ่งก็ได้ออกมาแสดงอาการเครียดหลังจากที่ราคาร่วง โดยส่วนหนึ่งกล่าวว่า
แม้ว่าราคาของ Bitcoin ดูเหมือนว่าจะเริ่มกลับไปสู่แนวโน้มขาลงแล้ว แต่นักลงทุนก็ยังไม่ควรประมาท เนื่องจากว่าราคาของเหรียญดังกล่าวนั้นมีความผันผวนที่สูงมาก และมันเป็นการยากที่จะคาดเดาทิศทางต่อไปในอนาคต
โดยในขณะที่กำลังรายงานข่าวอยู่นี้ ราคาของ Bitcoin นั้นอยู่ที่ 33,000 ดอลลาร์ อ้างอิงจาก Coinmarketcap และร่วงลงกว่า 1.6 % จากในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สภาการขุดบิทคอยน์ เป็นองค์กรที่สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนในอุตสาหกรรมการขุดบิทคอยน์ ซึ่งเริ่มมาจากการตอบสนองกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของ Elon Musk เกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และได้ประกาศยกเลิกการรับชำระเงินด้วยบิทคอยน์ ซึ่ง Elon Musk ได้เปิดเผยว่าเขาจะกลับมารับชำระด้วยบิทคอยน์ใหม่ เมื่ออุตสาหกรรมการขุดใช้พลังงานสะอาดมากกว่า 50%
เมื่อเร็ว ๆ นี้สภาการขุดบิทคอยน์ได้มีการเปิดตัวรายงานบทสรุปเกี่ยวกับการขุดฉบับแรก โดยรายงานดังกล่าวอธิบายว่าอุตสาหกรรมมีการใช้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น 52.2% ระหว่างไตรมาสที่ 1 ถึงไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายขึ้น 15% วัดเป็น PH/MW
นอกจากนี้ยังเผยว่า 67.6% ของพลังงานทั้งหมดที่สมาชิกสภาใช้ในการขุดบิทคอยน์มาจากแหล่งพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งรับประกันได้ว่ามีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าอุตสาหกรรมการขุดในประเทศอื่น โดยเฉพาะประเทศจีนที่ใช้พลังงานไฟฟ้าถ่านหิน
รายงานดังกล่าวยังชี้ให้เห็นว่าความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการขุดบิทคอยน์ กำลังเป็นเรื่องที่ถูกประเมินค่าหรือให้ความสำคัญมากเกินไป ตัวอย่างเช่น เครือข่ายทั้งหมดใช้พลังงานเพียง 0.007% ของพลังงานทั้งหมดที่ใช้บนโลก และ 56% ของการขุดบิทคอยน์ทั่วโลกใช้พลังสะอาดที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตามมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความสมเหตุสมผลของรายงานดังกล่าว เนื่องจากรายงานของสภาการขุดฉบับนี้ได้มากจากการรวบรวมข้อมูลจากแบบสำรวจ ด้วยคำถามสามข้อและใช้ข้อมูลเอกสารการวิจัยจากแหล่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งไม่ทราบขนาดของกลุ่มตัวอย่าง รวมถึงขอบเขตความผิดพลาด

slot

Larry Cermak ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ The Block Cermak ยังได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับประเด็นการอพยพของนักขุดจีนในปัจจุบัน ว่ายังไม่มีใครรู้ว่าสัดส่วนการใช้พลังงานจะเป็นอย่างไรจนกว่าแรงขุดจากจีนจะอพยพเสร็จ
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้มีการเตือนว่าหากนักขุดชาวจีนอพยพไปยังประเทศที่มีการพึ่งพาพลังงานที่ก่อให้เกิดมลพิษ การอพยพดังกล่าวก็จะเป็นการส่งออกมลพิษโดยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของอุตสาหกรรมจริง ๆ เลย